31 ก.ค.61 จากการที่มีฝนตกทางตอนเหนือของแม่น้ำโขง และในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ติดต่อกันหลายวัน ทำให้มีน้ำไหลลงในแม่น้ำโขง ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำโขง มีระดับน้ำขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วสลับกันไป และมีกระแสน้ำเชี่ยวและขุ่นมากขึ้น ล่าสุดระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านจังหวัดหนองคาย วัดที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย กรมทรัพยากรน้ำ อยู่ที่ระดับ 10.55 เมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของเมื่อวานนี้ถึง 93 ซม. ต่ำกว่าตลิ่งเพียง 1.65 ม. และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทำสถิติใหม่ทะลุ 11 เมตร เนื่องจากวันนี้ระดับน้ำโขงทางตอนเหนือคือที่สถานีเชียงคาน จังหวัดเลย สูงขึ้น 78 ซม. ซึ่งจะไหลมาถึงหนองคายภายใน 20 ชั่วโมงนี้ อีกทั้งยังมีฝนตกทั้งในพื้นที่ ทางตอนเหนือของไทยและ สปป.ลาว ที่จะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้นอีก
ระดับน้ำโขงที่ขึ้น-ลงอย่างรวดเร็วสลับกัน อีกทั้งยังเชี่ยวและขุ่นข้น ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องกับเกษตรกรที่เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำโขง โดยเฉพาะที่บ้านพร้าวใต้และบ้านเจริญสุข ตำบลหินโงม ที่มีเกษตรกรที่เลี้ยงปลาประมาณ 80 ราย กระชังปลารวมกว่า 2,000 กระชัง ช่วงนี้ปลาถูกกระแสน้ำพัดไปชนกระชัง จนเกล็ดถลอก ป่วยและตายเป็นจำนวนมาก จากปกติ 1 กระชังจะตายไม่เกิน 2 –3 ตัว/วัน แต่ตอนนี้ 1 กระชังมากกว่า 10 ตัว/วัน ตายปลาที่เริ่มป่วยก็จะขายในราคากิโลกรัมละ 30 - 40 บาท ส่วนปลาที่ตายก็จะนำมาทำปลาร้าขาย 12 กิโลกรัมต่อ 200 - 250 บาท แล้วแต่ขนาดของปลาที่ทำปลาร้า ตัวเล็กก็จะขายได้ถูก ตัวใหญ่ก็จะแพงขึ้น
จากการที่ปลาป่วยและตายเป็นจำนวนมาก ทำให้เกษตรกรหลายรายต้องรีบขายปลาที่ยังไม่โตเต็มที่ก่อนจะตายหมดแล้วหยุดพักการเลี้ยงชั่วคราว และจากการที่เกษตรกรเร่งขายปลากัน ประกอบกับมีปลาตามธรรมชาติเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ได้ส่งผลให้ราคาปลากระชังมีราคาถูกลง จากเดิมกิโลกรัมละ 60 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 50 บาทเท่านั้น สวนทางกับราคาอาหารปลาที่แพงขึ้น ปีนี้คาดว่าเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังต้องขาดทุนการถ้วนหน้า
นายประเสริฐ ลุนรินทร์ อายุ 59 ปี เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังบ้านพร้าวใต้ ต.หินโงม อ.เมือง จ.หนองคาย บอกว่า ช่วงนี้น้ำโขงสูง ขุ่นและเชี่ยว ทำให้พัดปลาชนกับกระชัง เกล็ดถลอกและตายโดยเฉพาะปลาที่มีขนาดใหญ่ตัวละ 8 ขีดขึ้นไป ส่วนปลาขนาดเล็กไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก ขณะนี้พบว่ามีปลาตายมากกว่า 10 ตัว/กระชัง ขนาดปลาที่ตายตั้งแต่ 8 ขีด จนถึง 1 กก. ปลาที่ตนเลี้ยงครบกำหนดที่จะจับขายในวันที่ 5 สิงหาคม 61 ที่จะถึงนี้ ตนเลี้ยงทั้งหมด 10 กระชัง แต่ละกระชังจะเลี้ยงปลา 2,500 ตัว ตั้งแต่น้ำโขงเริ่มขึ้นสูงและเชี่ยวมาประมาณ 1 สัปดาห์ ปลาที่ตนเลี้ยงตายไปแล้วกว่า 2 ตัน
ปลาที่ตายจะไปแล่เอาเครื่องในออก ตัดหัว ตัดหาง และครีบออก แล้วนำไปหมักทำปลาร้าอย่างเดียว เพราะไม่มีใครมาซื้อปลาที่ตาย ทำปลาร้าก็ยังขายยาก ซึ่งปลาร้าจะขาย 12 กก.ต่อ 200 –250บาทแล้วแต่ขนาดปลา ปลาร้าตัวใหญ่ก็จะได้ราคาสูง ส่วนปลาร้าที่ตัวเล็กก็จะราคาถูกลง ส่วนปลาที่เกล็ดถลอกลอยขึ้นมาเหนือน้ำกำลังจะตายก็จะขายได้ในราคา 3 กิโลกรัมต่อ 100 บาท จากการที่ปลาป่วยและตายเป็นจำนวนมาก ปีนี้ต้องขาดทุนอย่างแน่นอน เกษตรกรผู้ที่เลี้ยงปลากระชังด้วยกันขาดทุนกันถ้วนหน้า คนละ 1 แสนบาทขึ้นไป คนที่เลี้ยงมากขาดทุนถึง 8 แสนบาท ซึ่งปกติปลา 1 กระชังเลี้ยง 2,500 ตัว จะจับขายได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท ในส่วนของตนเลี้ยง 10 กระชัง คาดว่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท
ส่วนการแก้ปัญหาปลาป่วยและตายนั้น นายประเสริฐ บอกว่าแก้ได้ยาก เนื่องจากสาเหตุเกิดจากน้ำและกระแสน้ำ ที่ขุ่นและไหลแรง มาพัดปลาในกระชัง โดยเฉพาะกระชังที่นอกสุด จะถูกกระแสน้ำพัดปลาไปชนกระชังจนถลอกและตายเป็นจำนวนมาก ยิ่งช่วงแรกๆนั้นมีทั้งลมและฝน ยิ่งส่งผลให้ปลาป่วยและตายมากขึ้นจากเดิมอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี