2 ส.ค.61 ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับผศ.ดร.อมรรัตน์ แก้วประดับ เลขาธิการสมาคมยานยนต์ไฟฟ้า ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการบริษัท สากล เอนเนอยี่ จำกัด (มหาชน) พล.อ.อ.อำพล อิ่มบัว ผู้ทรงคุณวุฒิจาก กองทัพอากาศ และ รองศาสตราจารย์ประเสริฐฤกษ์เกรียงไกรรักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บริการร่วมกันเปิดสถานีด้วยการจับหัวจ่ายไฟฟ้าชาร์จกับรถยนต์ไฟฟ้า ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดพิธีเปิด สถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) จากพลังงานโซลาร์เซลล์ สนองยุทธศาสตร์ Green and Clean ; Sustainability University มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันนำร่องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สู่การใช้งานสาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม โดยรถยนต์ 1 คัน สามารถชาร์จไฟฟ้าวิ่งได้ระยะทางมากกว่า 150 กิโลเมตรต่อครั้ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดภาวะโลกร้อนได้มากถึงร้อยละ 20 ในการดำเนินงานโครงการได้รับการสนับสนุนงบประมาณหลักจาก กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และได้รับการสนับสนุนการดำเนินงานจาก บริษัท สากล เอนเนอยี่ จำกัด และบริษัท บาร์เซโลน่า ออโต้ จำกัด โดยภายในงานมีผู้ทรงคุณวุฒิจากกองทัพอากาศ เข้าร่วมสังเกตการณ์ในฐานะ Partner โครงการ CMU Smart City / RTAF Smart Wing และจัดให้มีพิธีบันทึกความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ระหว่างกองทัพอากาศและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รักษาการแทนรองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตระหนักถึงความสำคัญ ด้านการบริหารจัดการระบบกายภาพและสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หนึ่งในระบบที่ให้ความสำคัญในการดำเนินงานคือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการจราจรและขนส่งมวลชน ด้วยการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในมหาวิทยาลัย ครอบคลุมถึงระบบรถไฟฟ้าและการพัฒนาสถานีรถไฟฟ้า โดยมีนโยบายในการพัฒนาด้านคมนาคมขนส่ง ด้วยการลดใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ภายในมหาวิทยาลัย จึงได้จัดบริการรถไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ จำนวน 60 คัน คันละ 12 ที่นั่ง ออกวิ่งรับผู้โดยสาร วนรอบมหาวิทยาลัยทั้งหมด 5 สาย ทุกวันไม่เว้นวันหยุด คิดเป็นระยะทาง 6,660 กิโลเมตรต่อวัน หรือ 2,023,400 กิโลเมตรต่อปี รองรับผู้โดยสารได้จำนวนสูงสุด 16,700 ต่อวัน หรือ 5,097,024 คนต่อปี จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่บรรยากาศได้มากถึง 3,034 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อวัน หรือ 601,500 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ทำให้เห็นถึงความสำคัญในการลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงในรถยนต์ และหันมาให้ความสำคัญการเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น โดยการจัดสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ยานยนต์ไฟฟ้า และส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแทนรถยนต์แบบเดิมที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลง ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารจัดการที่ดีและพัฒนาสู่ความเป็นสากลตามยุทธศาสตร์ Green and Clean; Sustainability University มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม CMU Smart City-Clean Energy มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้ดำเนินงาน “โครงการจัดสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ขึ้น โดยมีสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดำเนินงานศึกษาวิจัย ออกแบบและจัดสร้างสถานีชาร์จประจุรถยนต์ไฟฟ้า (Charging Station) จากพลังงานโซลาร์เซลล์ ติดตั้งไว้ ณ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ โดยสถานีชาร์จประจุไฟฟ้าจากพลังงานโซลาร์เซลล์แห่งนี้ จะเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ที่จะช่วยส่งเสริมและต่อยอดความเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว ด้วยการใช้พลังงานทดแทน พลังงานสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ หรือ Low Carbon Society ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนจากการวิจัยมาใช้ประโยชน์อย่างเป็นรูปประธรรม ผลักดันให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลายเป็นมหาวิทยาลัยอัจฉริยะ (SMART CITY) เป็นต้นแบบที่สำคัญให้กับนักศึกษา บุคลากร หน่วยงานต่างๆ และสังคม หันมาช่วยกันให้ความตระหนัก และให้ความสำคัญถึงประโยชน์ของการใช้พลังงานทดแทนภาคการขนส่งมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต และนำไปสู่การใช้พลังงานของประเทศได้อย่างยั่งยืน
ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้อำนวยการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทย เริ่มตื่นตัวและมีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยมียานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในประเทศไทย 103,702 คัน แบ่งเป็น ยานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด(Plug-in Hybrid Electric Vehicle) 102,308 คัน และยานยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle) 1,394 คัน โดยสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) จากพลังงานโซลาร์เซลล์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ถูกออกแบบและติดตั้งให้สามารถรองรับรองรับยานยนต์ได้ทั้งรถแบบ Hybrid ที่มีการใช้ไฟฟ้าร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน Plugin Hybrid (PHEV) และรถไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้า 100% (All Electric Car) เครื่องอัดประจุดไฟฟ้าเป็นแบบที่มีหลายหัวจ่ายไฟฟ้าในชุดเดียว โดยมีหัวอัดประจุดแบบ CHAdeMO, CCS Combo2 และ AC Type2 ซึ่งรองรับทั้งการอัดประจุดแบบปกติ (Normal Charge และ Quick Charge) เป็นไปตามมาตรฐานนานาชาติ รองรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ติดตั้งหัวจ่ายกระแสไฟฟ้าตามมาตรฐานยุโรปและญี่ปุ่น ใช้เวลาในการชาร์จแต่ละครั้งประมาณ 30-40 นาที สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 5 ที่นั่ง วิ่งได้ระยะทางมากกว่า 150 กิโลเมตรต่อครั้ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึงร้อยละ 20 นับเป็นเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสีเขียวที่สำคัญ ที่จะช่วยผลักดันให้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต่อยอดความเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว โดยการหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มทางเลือกการใช้พลังงาน ลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิงและลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ก้าวสู่ CMU Smart City-Clean Energy มหาวิทยาลัยอัจฉริยะ พลังงานสะอาด เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี