ข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงการออกกำลังกายในเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นไว้ว่า ในช่วงอายุ 15-17 ปี เด็กผู้ชายจะออกกำลังกายเพื่อให้เกิดกำลัง ความแข็งแรง รวดเร็ว และความอดทน ส่วนผู้หญิงจะเน้นการออกกำลังกายประเภทที่ไม่หนักแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรงและเสริมสร้างรูปร่าง ในขณะที่ช่วงอายุ 18-35 ปี จะเป็นการออกกำลังกายเพื่อฝึกให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดของร่างกายแต่ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใดกิจกรรมการออกกำลังกายควรมีความหลากหลายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อให้ครบทุกส่วนของร่างกาย
การออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ แต่หากทำซ้ำๆ นานๆ ก็กลายเป็นความเบื่อหน่ายได้ วัยรุ่นนักคิด 3 คนที่รวมตัวกันในนามทีม “Smart Kids F T J” นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหารเล็งเห็นปัญหานี้เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อที่นี่เป็นโรงเรียนประจำ ส่งผลให้การออกกำลังกายเป็นไปตามตารางที่กำหนดไว้ ขาดความตื่นเต้นสนุกสนาน จึงได้ร่วมกันพัฒนาเกมส์หยอดเหรียญผสานกับกีฬาต่อยมวย จนเกิดเป็นผลงาน “Smart Punching Bag”ที่สามารถคว้า รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ THAIHEALTH INNO Awardsในระดับมัธยมศึกษา ที่จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ไปครอบครองได้
นายรชานนท์ บุญพุทธ “ต่อ” สมาชิกทีม “Smart Kids F T J” กล่าวว่า ทางโรงเรียนสนับสนุนให้นักเรียนออกกำลังกายโดยการเล่นกีฬาเป็นประจำ แต่จากการเก็บข้อมูลพบว่า นักเรียนที่เล่นกีฬามากกว่า 1 ชนิดมีเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ที่เหลือเป็นการเล่นกีฬาเพียงชนิดเดียว ส่งผลให้เพื่อนนักเรียนกลุ่มนี้เบื่อการออกกำลังกายง่ายขึ้น
“ในโรงเรียนมีอุปกรณ์กีฬาหลายชนิดให้นักเรียนได้เลือกเล่น แต่มีอยู่หลายชนิดที่นักเรียนไม่นิยม อย่างเช่น กระสอบทราย ทั้งที่การต่อยมวยเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้ผู้เล่นเหนื่อยได้เร็วกว่ากีฬาอื่นๆ ช่วยบริหารระบบหัวใจและหลอดเลือด สร้างความสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ และสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อด้วย แต่เมื่อวิเคราะห์อีกครั้งก็พบว่าเพื่อนนักเรียนนิยมเล่นเกมส์ punching ตามห้างสรรพสินค้าทั้งที่ต้องเสียเงิน เพราะสนุกจากการได้วัดแรงต่อยของตนเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของผลงาน Smart Punching Bag ที่นำกระสอบทรายมาพัฒนาร่วมกับเครื่องวัดแรงสั่นสะเทือน เพื่อสร้างความน่าสนใจและกระตุ้นให้นักเรียนหันมาออกกำลังกายด้วยการต่อยมวยมากยิ่งขึ้น”
นวัตกรทีม Smart Kids F T J ได้นำเครื่องวัดแรงสั่นสะเทือนติดตั้งบนตัวกระสอบทรายโดยกระจายจุดรับแรงสั่นสะเทือนไว้ทั่วตัวกระสอบ พร้อมติดตั้งโปรแกรมที่สามารถแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการออกกำลังกายแบบจำเพาะเจาะจง ใน Mode ต่างๆ ช่วยให้ผู้เล่นเห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
“Smart Punching Bag มีโปรแกรมการเล่น 2 แบบ คือ แบบธรรมดา (Normal mode) ที่ผู้ชกสามารถชกกระสอบไปเรื่อยๆ และหยุดได้เมื่อต้องการ โดยผลรวมของคะแนนจะได้จากความแรงของการชกในทุกๆ หมัด และแบบ Punches Gaming mode ผู้ชกจะกลายเป็นผู้เล่น เริ่มชกจาก level 1 คะแนนเริ่มต้นเป็น 0 โดยโปรแกรมจะจับเวลานับถอยหลัง 5 นาที ผู้เล่นต้องชกให้เท่ากับหรือมากกว่าแต้มที่โปรแกรมกำหนดไว้ หากทำได้จะสามารถเล่นต่อใน level ถัดไปแต่หากทำคะแนนได้ไม่ถึงที่กำหนดจะถือว่าgameover ต้องไปเริ่มต้นเล่นใหม่ ซึ่งใน mode นี้ ผู้เล่นจะได้ออกกำลังกายหนักขึ้น ได้สนุกกับการแข่งขันกับตนเองและผู้อื่นได้สามารถวัดผลสุขภาพได้ชัดเจน ได้แก่ จำนวนและความแรงของหมัด ความยืดหยุ่นคล่องตัวของร่างกายโดยดูจากเวลาที่ใช้ และปริมาณของแคลอรีที่เผาผลาญไปจากการชก”นายกลวัชร สายสวรรค์ “เจฟฟรี” เล่าถึงกระบวนการและจุดเด่นของนวัตกรรมที่คิดค้น
ในขณะที่ นายธีรกานต์ โชควัฒนพรชัย “ฟิล์ม” สมาชิกคนที่ 3ของทีม Smart Kids F T J อธิบายเพิ่มเติมว่า Smart Punching Bag นำไปทดสอบในโรงเรียนจุฬาภรณ์ฯ โดยติดตั้งอุปกรณ์ไว้ที่โรงยิม รวมถึงสวนสาธารณะที่คนนิยมไปออกกำลังกาย เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่บนตัวกระสอบเพื่อให้ได้รับผลที่ถูกต้องแม่นยำตามที่กำหนดไว้ในโปรแกรม เป็นการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานในแต่ละวัน จำนวนผู้ที่มาใช้งานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงช่วงอายุและเพศของผู้ใช้ด้วย
“อุปกรณ์ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนของกระสอบทราย จะมีปุ่มสำหรับกดเลือก Mode ที่ต้องการ และป้อนข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่น ได้แก่ เพศและอายุ เมื่อชกไปเรื่อยๆ หน้าจอแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการชก ผู้เล่นจึงได้รับความสนุกสนาน สามารถกระตุ้นให้ผู้ใช้ออกกำลังกายหนักขึ้น และผู้ใช้ยังสามารถแข่งขันกับตนเองและเพื่อนได้ ซึ่งในอนาคตจะพัฒนาจากกระสอบทรายและเป็นหุ่นคน และทำให้เกิดสัญญาณเสียง และการแสดงผลด้วยเสียง เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้พิการทางสายตา ให้มีโอกาสได้ออกกำลังกายโดยการต่อยมวย รวมถึงจะบันทึกข้อมูลสำหรับทำงานวิจัยในอนาคตเพื่อออกแบบเครื่องมือที่ช่วยสร้างเสริมสุขภาพได้ดียิ่งขึ้นต่อไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี