เมื่อ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 16.00 น. พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมทหารนาวิกโยธิน ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ ณ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายจุฬาภรณ์ ตำบลโคกเคียน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส โดยมี นาวาเอก นิรัตน์ ทากุดเรือ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 3 กองพลนาวิกโยธินและผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ให้การต้อนรับ
พร้อมทั้งนำผู้บัญชาการทหารเรือ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ และเข้ารับฟังการบรรยายสรุปภารกิจหน้าที่ และผลการปฏิบัติตลอดจนแผนงานในอนาคต โดยมุ่งเน้นการอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความหลากหลาย โดยสร้างพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง โดยผู้บัญชาการทหารเรือได้มอบโอวาทให้กำลังพลมีความซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวัง ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และประสานงานซึ่งกันและกัน เพื่อพัฒนา ขีดความสามารถโดยถือประโยชน์กองทัพเรือและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
ต่อมาในเวลา 17.25 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะได้เดินทางต่อไปยังกองบังคับการกรมทหารพรานนาวิกโยธิน ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส โดยมี นาวาเอก สันติ เกศศรีพงษ์ศา ผู้บังคับการกรมทหารพรานนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ และนำผู้บัญชาการทหารเรือเข้ารับฟังการบรรยายสรุป
จากนั้น ในเวลา 19.30 น. ผู้บัญชาการทหารเรือ และคณะได้เดินทางต่อไปยัง ฐานปฏิบัติการบ้านรังมดแดง กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 11 ตำบลดอนทราย อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี เพื่อตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญกำลังพลที่ปฏิบัติงานภาคสนาม โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวให้โอวาทและขอบคุณทหารพรานนาวิกโยธินที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น อีกทั้งยังสร้างความอบอุ่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่
พร้อมทั้งขอให้ทหารพรานนาวิกโยธินทุกนายยึดมั่นในความเสียสละ เพราะทุกคนคือทหารของประชาชน ที่อาสามาแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อสร้างความรักสามัคคี ของคนในชาติให้ความสงบสุขกลับคืนมาอีกครั้ง ก่อนจะเดินทางเข้าพักแรมร่วมกับทหารนาวิกโยธิน ณ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์
สำหรับกรมทหารพรานนาวิกโยธิน ได้จัดตั้งขึ้น เมื่อปี 2559 สืบเนื่องมาจากรัฐบาลและกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมีแนวความคิดในการปรับลดกำลังรบหลัก ในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการใช้กำลังทหารพราน ซึ่งเป็นกำลังประจำถิ่นปฏิบัติภารกิจทดแทน ทำให้สามารถนำกำลังรบหลักที่มีที่ตั้งหน่วยอยู่นอกพื้นที่กลับที่ตั้งปกติได้ ตามยุทธศาสตร์ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และการใช้การเมืองนำการทหารเพื่อยุติปัญหาด้วยสันติวิธีปัจจุบันกำลังทหารพรานซึ่งเป็นกำลังประจำถิ่นสามารถปรับตัวเข้ากับท้องถิ่น ทั้งในด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม ทำให้เข้าถึงประชาชนในพื้นที่ได้โดยง่าย
ดังนั้น กองทัพเรือจึงได้ขออนุมัติจัดตั้งกรมทหารพรานนาวิกโยธิน โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559 เป็นหน่วยขึ้นตรงหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ประกอบด้วย
กองบังคับการกรมทหารพรานนาวิกโยธิน 16 กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธิน และ 1 หมวดทหารพรานนาวิกโยธินหญิง โดยจะปฏิบัติหน้าที่ทดแทนกำลังรบหลักที่มาจากนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่อำเภอยี่งอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
ทั้งนี้ กรมทหารพรานนาวิกโยธิน ได้กำหนดวิสัยทัศน์ว่า “กรมทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เป็นทหารของประชาชนที่มีวินัย มีภาวะผู้นำ และยึดมั่นในความเสียสละ” ซึ่งทหารพรานนาวิกโยธินทุกนายยึดถือเป็นบรรทัดฐานในการปฏิบัติงาน ปัจจุบันกรมทหารพรานนาวิกโยธิน ได้เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ ให้แก่กำลังพลที่จะลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความพร้อมที่จะเผชิญกับสถานการณ์การก่อเหตุรุนแรงของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ และแนวทางการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ
เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือ และไว้วางใจเจ้าหน้าที่รัฐ ลดความหวาดระแวงและหันมาให้ความร่วมมือกับทางราชการ อันเป็นรากฐานสำคัญในการยุติปัญหาและเหตุรุนแรงในพื้นที่ สอดคล้องกับการที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรได้น้อมนำแนวทางพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มากำหนดเป็นยุทธศาสตร์หลักในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี