16 ม.ค.62 นายออน อุ่นทวีทรัพย์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้สั่งการให้ นายชัยณรงค์ กิจศรีวิเชียร รักษาการแทนหัวหน้าจุดตรวจศุลกากรด่านพรมแดนคลองลึก ฯ  ประสานความร่วมมือกับ พ.ต.อ.เบญจพล  รอดสวาสดิ์  ผกก.ตม.จว.สระแก้ว  และ ร.อ.เตชทัต  เฉลิมจิตต์  ผบ.ร้อย ทพ.1201 (ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที 1201) สนธิกำลังร่วมกันตั้งจุดตรวจค้นป้องกันและสกัดกั้นการลักลอบขนสินค้าเถื่อนและสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย  บริเวณจุดตรวจศุลกากร  ด่านพรมแดนคลองลึก  อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ต่อมาขณะ จนท.ชุดปฏิบัติการร่วมฯประจำจุดตรวจศุลกากร  ด่านพรมแดนคลองลึกฯ ร่วมกันตรวจค้นรถเข็นสองล้อลากเลื่อนกัมพูชาที่บรรทุกสินค้าจากฝั่งปอยเปต  ประเทศกัมพูชา นำเข้ามาส่งขายในตลาดโรงเกลือ  ตลาดการค้าชายแดน อ.อรัญประเทศ  จ.สระแก้ว ก่อนทำการชั่งเพื่อจัดเก็บภาษี ได้ตรวจพบรถเข็นสองล้อลากเลื่อนกัมพูชาจำนวน 2 คัน ถูกจอดทิ้งอยู่บริเวณหน้าทางเข้าช่องตรวจ  ด่านพรมแดนคลองลึก ฯ โดยไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ จึงร่วมกันตรวจค้น และจากการตรวจค้นรถเข็นสองล้อลากเลื่อนทั้ง 2 คัน พบมีเสื้อและกางเกงซึ่งเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์แบรนค์ดังต่างประเทศซุกซ่อนอยู่ภายในกระสอบสีเขียวขนาดใหญ่ จึงร่วมกันตรวจยึดมาตรวจสอบ พบเป็นกางเกงผ้ายืดขาสั้นละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อมิกกี้เมาส์ จำนวน 190 ตัว.เสื้อยืดสตรีละเมิดลิขสิทธิ์ ยี่ห้อแก็ป จำนวน 220 ตัว และเสื้อยีนส์เด็ก ละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อบลูเบอรี่ อีกจำนวน 115 ตัว

ส่วนในรถเข็นอีกคันพบมีการลักลอบซุกซ่อนประทัดไว้ จำนวน 56,000 นัด และพลุดอกไม้เพลิง อีกจำนวน 12,000 นัด รวมทั้งหมด 68,000 นัด โดยไม่มีเอกสารการขออนุญาตนำเข้าใดๆ จึงร่วมกันตรวจยึดมาไว้ตรวจสอบที่ ด่านพรมแดนคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

เบื้องต้น จนท.สันนิษฐานว่า สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พร้อม พลุดอกไม้เพลิงและประทัด พ่อค้าชาวกัมพูชาในฝั่งปอยเปต  ประเทศกัมพูชา ลักลอบนำเข้าประเทศไทยเพื่อไปส่งขายให้กับพ่อค้า แม่ค้าชาวกัมพูชา โดยว่าจ้างกรรมกรชาวเขมรบรรทุกใส่รถเข็นลากเลื่อนเข้ามา แต่กรรมกรชาวเขมรกลัวถูกจับจึงยอมทิ้งรถเข็นแล้วหลบหนีกลับออกไปประเทศกัมพูชา

จากนั้น จนท.จึงได้ร่วมกันตรวจยึดฯสินค้าทั้งหมดนำส่งฝ่ายกฏหมายด่านศุลกากรอรัญประเทศ  จ.สระแก้ว   ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ศุลกากรต่อไป ซึ่งสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์และสินค้าเถื่อนที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดคาดมีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 5 แสนบาท