ประติมากรรมหัวพญานาคพ่นน้ำมาสคอตของแหลมสนอ่อนยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียพากันมาเที่ยวชม และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ในขณะเดียวกันหัวพญานาคพ่นน้ำก็เริ่มทรุดโทรม เนื่องจากขาดการดูแลอย่างจริงจังจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงไม่มีการบำรุงรักษาบูรณะซ่อมแซมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจุดนี้ ปล่อยให้ความเสื่อมโทรมโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้เห็น ชาวสงขลาสุดทนเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาให้ลงมาช่วยดูแลเมืองสงขลาในฐานะพ่อเมืองสงขลา ส่วนที่ฝันจะเป็นมรดกโลกหากส่วนราชการเป็นแบบนี้มันไกลเกินฝัน
31 ม.ค.62 บรรยากาศการท่องเที่ยวที่ จ.สงขลายังคึกคัก โดยเฉพาะบริเวณหัวพญานาคพ่นน้ำของแหลมสนอ่อน ปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา อ.เมืองสงขลา นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย ซึ่งเป็นกรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางมาท่องเที่ยวต่างพากันไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และชมความสวยงามของทัศนียภาพของปากร่องน้ำ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างทะเลสาบสงขลากับทะเลอ่าวไทย และเป็นการสัญจรทางเรือทั้งเรือประมง และเรือพาณิชย์ และถ่ายรูปเป็นกลุ่มเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศ เนื่องจากหัวพญานาคพ่นน้ำเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวที่แหลมสมิหลา นอกเหนือจากรูปปั้นนางเงือกทอง
ในขณะเดียวกันหัวพญานาคพ่นน้ำก็เริ่มทรุดโทรม เนื่องจากสร้างมาตั้งแต่ปี 2549 กว่า 10 ปีแล้วขาดการดูแลอย่างจริงจังจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงไม่มีการบำรุงรักษาบูรณะซ่อมแซมพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจุดนี้ให้มีความสวยงามดังเดิม ปล่อยให้ความเสื่อมโทรมโชว์นักท่องเที่ยว ทั้งสีสันหัวพญานาคซีดด่างไปหมดไม่เหลือความสวยงามให้เห็น และฐานหัวพญานาคปูนซีเมนต์กระเทาะเหล็กเส้นที่อยู่ในปูนขึ้นสนิมทั้งแถบรอบแท่นฐานไม่มีการซ่อมแซมแต่อย่างใด รวมทั้งพื้นบันไดแผ่นกระเบื้องที่ปูพื้นหลุดออกเป็นแถบๆ โดยไม่มีใครมาสนใจดูแลหรือมาซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นหน้าตาของชาวสงขลาเลย ชาวสงขลาสุดทนเตรียมยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาให้ลงมาช่วยกำกับดูแลเมืองสงขลาในฐานะที่ท่านพ่อเมืองสงขลา ส่วนที่หลายฝ่ายลุ้นจะให้เป็นมรดกโลกหากส่วนราชการเป็นแบบนี้มันก็ไกลเกินฝัน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดได้เคยเอ่ยในเรื่องความสะอาดความสวยงามมาแล้วเช่นกัน
เมื่อนำประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำของชาวสงขลา ที่สร้างเมื่อปี 2549 เป็นเวลากว่า 10 ปี มาเปรียบเทียบกับเจ้าสิงโตยักษ์พ่นน้ำ นามว่า "เมอร์ไลอ้อน" ที่ประเทศสิงคโปร์ สร้างเสร็จเมื่อปี 2515 หรือประมาณ 47 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่ริมอ่าวมาริน่า (Marina Bay) ความสวยงามแตกต่างกันอย่างเทียบกันไม่ได้เลย เนื่องจากประเทศสิงคโปร์ให้ความสนใจจุดขายแหล่งท่องเที่ยวเป็นอย่างดี จึงมีความสวยงามอยู่ตลอดเวลาอวดแขกบ้านแขกเมืองด้วยความภาคภูมิใจเจ้าสิงโตยักษ์พ่นน้ำ นามว่า "เมอร์ไลอ้อน" ผิดกับประติมากรรมหัวพญานาคพ่นน้ำมาสคอตของชาวสงขลา นับวันจะยิ่งเสื่อมโทรมลงไปทุกวันเพราะไม่ได้มีการดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจังแบบประเทศสิงคโปร์ที่เขาเจริญแล้วมีการพัฒนาเมืองอยู่ตลอดเวลาเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
พญานาคพ่นน้ำสร้างเมื่อปี 2549 ในสมัยที่นายอุทิศ ชูช่วย เป็นนายกเทศมนตรีนครสงขลา ดำเนินการ ออกแบบ โดยอาจารย์มนตรี สังข์สิกานนท์ อาจารย์มหาวิทยาลัยทักษิณ และทำพิธีเปิดประติมากรรมหัวพญานาคพ่นน้ำ อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ.2550 ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ มีลักษณะแบบลอยตัว สามารถมองเห็นได้รอบด้านเนื้อ วัตถุเป็นโลหะทองเหลืองรมสนิมเขียว "หัวพญานาค" มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ของลำตัว 1.20 เมตร ความสูงจากฐานลำตัวจนถึงปลายยอดสุด ประมาณ 9 เมตร พ่นน้ำลงสู่ปากอ่าวทะเลสาบสงขลาและมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาถ่ายรูป อย่างไม่ขาดสาย จนกลายเป็นหนึ่งในจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดสงขลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี