“คพ.”เผยเขตดินแดง กทม.-พระประแดง จ.สมุทรปราการ ปริมาณฝุ่นขนาดเล็กเกินมาตรฐาน ส่วนฝุ่นพิษภาคเหนือยังอ่วม เชียงรายวิกฤติไฟป่ายังโหมหนัก จับคนลอบเผา 3 ราย แม่ฮ่องสอนใช้ดาวเทียมสำรวจ ด้านนายอำเภอโก-ลก คาดโทษหนักคนเผา
เมื่อวันที่ 21 เมษายน นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า สถานการณ์คุณภาพอากาศพื้นที่ กทม.และปริมณฑลคุณภาพอากาศอยู่ในระดับคุณภาพดีถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ตรวจพบฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน2.5ไมครอน (PM2.5) ค่าระหว่าง21-65มคก./ลบ.ม.เกินมาตรฐานบริเวณริมถนนดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานครและที่ต.ตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ
ขณะที่สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ เมื่อเวลา 09.00 น.วันเดียวกัน พบว่าค่าฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายพื้นที่ เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกันคุณภาพอากาศมีค่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยมีพื้นที่วิกฤตสีแดง 1 พื้นที่ (คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ) สีส้ม 14 พื้นที่ (คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และพื้นที่สีเหลือง 1 พื้นที่ (คุณภาพอากาศปานกลาง) ค่า PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 40 – 105 มคก./ลบ.ม.(มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.) ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน PM10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 56- 129 มคก./ลบ.ม.(มาตรฐานไม่เกิน 120 มคก./ลบ.ม.)
นายประลอง กล่าวว่า พบค่าฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ต่างๆ ดังนี้ ต.เวียง อ.เมือง จ.เชียงราย 105 มคก./ลบ.ม. ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 71 มคก./ลบ.ม. ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 69 มคก./ลบ.ม. ต. ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 58 มคก./ลบ.ม. ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 51 มคก./ลบ.ม. ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ 73 มคก./ลบ.ม.ต.พระบาท อ.เมือง จ.ลำปาง 59 มคก./ลบ.ม.ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 69 ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง 86 มคก./ลบ.ม.ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ 59 มคก./ลบ.ม. บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน 53 มคก./ลบ.ม.ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน 40 มคก./ลบ.ม.ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน 80 มคก./ลบ.ม. ต.ห้วยโก๋น อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน เครื่องตรวจวัดมีปัญหา ต.นาจักร อ.เมือง จ.แพร่ 70 มคก./ลบ.ม. ต.บ้านต๋อม อ.เมือง จ.พะเยา 90 มคก./ลบ.ม. ต.แม่ปะ อ.แม่สอด จ.ตาก 57 มคก./ลบ.ม. ขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี 79 มคก./ลบ.ม.
นายประลอง กล่าวต่อว่า ทาง คพ.ขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ งดการเผาในพื้นที่โล่งเพื่อป้องกันการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ในกรณีที่ประชาชนอยู่ในพื้นที่ซึ่งปริมาณฝุ่นละอองมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขอให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงควรเฝ้าระวังสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด ใจสั่น คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ แน่นหน้าอก ให้รีบพบแพทย์ ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน และสามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์ https://air4thai.pcd.go.th และแอพลิเคชั่น air4thai และติดตามข่าวสารการดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือ ได้ทาง www.pcd.go.th
ที่ จ.เชียงราย วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังคงเกิดไฟป่าขึ้นเกือบทั่วทุกพื้นที่เขตป่าเขาติดต่อกันมานานนับเดือน และมีอาสาดับไฟป่าเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาเผาป่าได้แล้วหลายรายนั้น ส่วนพื้นที่ซึ่งยังเกิดไฟป่าอย่างต่อเนื่องยังเป็นเขต อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย อ.ป่าแดด อ.เทิง ฯลฯ โดยที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างหนักในช่วงนี้ คือ เทือกเขาดอยยางเขตวนอุทยานน้ำตกห้วยแม่สัก วนอุทยานน้ำตกตาดสายรุ้ง วนอุทยานน้ำตกตาดควัน และวนอุทยานห้วยน้ำช้าง ซึ่งเป็นเขตติดต่อ 4 อำเภอ คือ อ.ดอยหลวง อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.เชียงของ และ อ.ขุนตาล โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่ง ต.โชคชัย อ.ดอยหลวง เกิดการลุกไหม้เต็มขุนเขาและแม้จะจัดกำลังเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครเข้าไปดับไฟติดต่อกันหลายวัน แต่ก็ไม่สามารถดับไฟได้เพราะเป็นพื้นที่เขาสูงชันมาก
พล.ต.บัญชา ดุริยพันธุ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ได้นำเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจ และร่วมวางแผนดับไฟกับพื้นที่อย่างต่อเนื่องและมีการใช้เฮลิคอปเตอร์ทำการโปรยน้ำไปแล้วหลายเที่ยว
ด้าน นายกมลไชย คชชา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 (เชียงราย) แจ้งว่าทางเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้นำน้ำไปโปรยแล้วจำนวน 46 เที่ยว เฮลิคอปเตอร์ทำการบินจนต้องเติมน้ำมันเชื้อแล้วถึง 3 ถัง นอกจากนี้ยังจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจเข้าไปร่วมดับไฟกับสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) ปกครองอำเภอดอยหลวง กำนัน ผู้นำ ราษฎร พื้นที่หมู่บ้านทุ่งกวางใต้ หมู่ 12 ต.โชคชัย อ.ดอยหลวง จนควบคุมเพลิงได้ในระดับหนึ่งและตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่จะมีการดำเนินการดับไฟป่ากันอย่างต่อเนื่องต่อไป
ส่วนในพื้นที่ อ.แม่สรวย นายนพพร ประทุมเหง่า หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยหลวง นำคณะเจ้าหน้าที่อุทยานะหน่วยจัดการต้นน้ำแม่พริก ชุดปฏิบัติการดับไฟป่า อ.แม่สรวย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลาดตระเวนถึงบริเวณป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวา ป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจช้อนทับป่าอุทยานแห่งชาติ เขตหมู่บ้านห้วยม่วง หมู่ 10 ต.แม่สรวย อ.แม่สรวย พบบุคคล 3 ราย ทราบชื่อว่า นางอายู พิสัยเลิศ อายุ 56 ปี นายไอ่ล็อต ไม่มีนามสกุล อายุ 30 ปี และนายอายุ ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติเมียนมา กำลังจุดไฟเผาป่ากันอย่างชัดเจน และไฟกำลังลุกลามไปเป็นวงกว้างทำให้ต้องช่วยกันดับไฟ
จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม โดยดำเนินคดีฐานร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดินรวมตลอดถึงการสร้าง แผ้วถางหรือเผาป่า เหตุเกิดในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลาวฝั่งขวาป่าแม่ส้าน และป่าแม่ใจ ซ้อนทับกับอุทยานแห่งชาติดอยหลวง พร้อมยึดของกลาง ไฟแช็ค มีดดายหญ้า ยาว 20 นิ้ว จอบ และคลาด
จากการตรวจสอบพบพื้นที่เสียหายประมาณ 1 งาน 41 ตารางวา สอบสวนเบื้องต้นทั้งหมด ให้การว่าเผาเพื่อจะทำเพิงพัก แต่เมื่อเผาไปแล้วกลับควบคุมไฟไม่ได้ จนลุกลามไปทั่วบริเวณ
ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน ดาวเทียมระบบ เวียร์ ตรวจพบจุดความร้อนในพื้นที่ 23 จุด ได้แก่ อ.เมือง 1 จุด , อ.แม่สะเรียง 4 จุด , อ.ขุนยวม 1 จุด , อ.ปางมะผ้า 1 จุด , อ.ปาย 3 จุด และ อ.สบเมย 13 จุด
นายกัมปนาท ประจงพิมพ์ หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน สบอ.16 สาขาแม่สะเรียง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ทางสถานีควบคุมไฟป่าฯ จัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสำรวจสถานการณ์ไฟป่า หอดูไฟ (กองมู) และจัดเจ้าหน้าที่ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่าพิษณุโลกและนครราชสีมา ออกลาดตระเวนสำรวจสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบและพื้นที่ใกล้เคียง
ต่อมาเจ้าหน้าที่สถานีฯ ร่วมกับชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่าพิษณุโลกและนครราชสีมา ดับไฟป่า 2 ครั้ง พื้นที่ 10 ไร่ ครั้งที่ 1 บริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้บ้านแม่จ๋าน้อย ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พบโดยรับแจ้งทางโทรศัพท์ พื้นที่เสียหาย 3 ไร่ ดับเสร็จ 19.40 น.พื้นที่เสียหาย 6 ไร่ สาเหตุหาของป่าชนิดป่าเต็งรัง ในเขตป่าอนุรักษ์ และครั้งที่ 2 บริเวณทิศตะวันตกบ้านทุ่งกองมู ต.ปางหมู อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน พบโดยรับแจ้งทางโทรศัพท์ พื้นที่เสียหาย 3 ไร่ ดับเสร็จ 21.50 น.พื้นที่เสียหาย 4 ไร่ สาเหตุหาของป่าชนิดป่าเต็งรังในเขตป่าสงวน
ขณะเดียกวัน นายสมชาย โกมลคงอยู่ รักษาการ ผอ.ส่วนควบคุมไฟป่า สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า หน.ศูนย์ปฏิบัติการไฟป่านครราชสีมา , นายรักชาย กีรติวงศา หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าพิษณุโลก , นาย ธงชัย สาแหลก หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่ากาญจนบุรี และนายประทีป ทัพมงคล หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการไฟป่าตาก ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจในการปฏิบัติงานชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่านครราชสีมาและพิษณุโลก ณ สถานีควบคุมไฟป่าแม่ฮ่องสอน ซึ่งแม้สถานการณ์มีจุดฮอทสปอตลดลง แต่พบยังมีการลอบเผาป่า ส่วนใหญ่ติดทางหลวงใกล้หมู่บ้านบ่อยครั้ง บางจุดดาวเทียมไม่สามารถตรวจจับได้
ที่ จ.นราธิวาส ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเกิดเพลิงไหม้ป่ารกร้าง ถนนเจริญเขต 17 อ.สุไหงโก-ลก ช่วงเย็นวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา นายเชาวลิต สิทธิฤทธิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยทีมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ระดมกำลังเข้าช่วยกันดับไฟที่ลุกไหม้นานนับชั่วโมง จนได้รับความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ทำไห้ควันกระจายทั่วบริเวณ มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ซึ่งสาเหตุของเพลิงไหม้คาดว่าเกิดจากชาวบ้านที่เข้าไปจุดไฟเผาขยะ หรือจุดไฟเผาหญ้า เมื่อมีลมพัดจึงลุกลามไปทั่ว เพราะมีต้นไม้และกิ่งไม้แห้งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
ด้านนายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชน ห้ามจุดไฟเผาป่า เผาขยะ หรือทำพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดไฟไหม้ป่าตลอดหน้าแล้งนี้ หากพบเห็นจะควบคุมตัวไปดำเนินคดีซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับโดยไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งหากพบเห็นผู้ใดกระทำการลักษณะนี้สามารถโทรศัพท์แจ้งศูนย์ปฏิบัติการอำเภอสุไหงโก-ลก ได้ที่หมายเลข 073613199 ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี