NGOระหว่างประเทศขอบคุณไทย ช่วยปราบปรามแก๊งค้ามนุษย์ชาวกัมพูชา
15 พ.ค. 2562 มูลนิธิไอเจเอ็ม (International Justice Mission - IJM) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่ทำงานต่อต้านการใช้แรงงานทาสและการค้ามนุษย์ในระดับนานาชาติ ออกแถลงการณ์เมื่อ 14 พ.ค. 2562 ชื่นชมทางการไทย กรณีศาลอาญาแผนกคดีค้ามนุษย์ กรุงเทพมหานคร มีคำพิพากษาจำคุก 6 ปี จำเลยชาวกัมพูชาผู้กระทำผิดฐานค้ามนุษย์ต่อผู้เสียหายชาวกัมพูชา 5 คน โดยบังคับใช้แรงงานในอุตสาหกรรมประมงในประเทศไทย
คดีดังกล่าวศาลไทยมีคำพิพากษาเมื่อ 7 พ.ค. 2562 ให้จำคุกนายแซม วันนา อายุ 40 ปี ชาวกัมพูชา เป็นเวลา 9 ปีในความผิดฐานค้ามนุษย์และสมคบคิดกับผู้อื่นในการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบโดยบังคับใช้แรงงานบุคคลอื่น แต่ลดโทษให้เหลือจำคุก 6 ปี เพราะให้ความร่วมมือระหว่างการสอบสวน ทั้งนี้ยังมีหลักฐานที่ยื่นต่อศาลไทยแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงจำเลยกับสมาชิกของเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามพรมแดนขนาดใหญ่จากประเทศกัมพูชามายังประเทศไทย โดยมีผู้ต้องหา 8 คนถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกข้อหาค้ามนุษย์แล้วเช่นกัน
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน มิ.ย. 2561 มูลนิธิไอเจเอ็ม ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ของไทย เข้าจับกุมนายแซม หลังได้รับการร้องทุกข์จากชาวกัมพูชา 5 คน ที่ระบุว่าถูกนายแซมกักตัวไว้ที่บ้านพักใน จ.สมุทรปราการ เป็นเวลาหลายวัน ก่อนจะถูกบังคับลงเรือประมง ถูกยึดหนังสือเดินทาง มีผู้เสียหาย 2 คนถูกทำร้ายร่างกาย กัปตันเรือบอกกับผู้เสียหายทั้ง 5 คนว่าต้องทำงานเพื่อใช้หนี้ จึงถูกบังคับให้ทำงานอย่างหนักแทบไม่ได้พักผ่อนแม้เวลาที่ป่วย และยังทราบอีกว่าจำเลยได้รับเงินจำนวนหนึ่งจากเจ้าของเรือชาวไทย
พ.ต.ต.อาริชย์ ทัศน์พันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม 3 ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะผู้ดูแลคดีนี้ เปิดเผยว่า ความท้าทายที่ต้องเผชิญคือการสื่อสารกับผู้เสียหายและการติดตามผู้เสียหายเพื่อสัมภาษณ์ก็มีข้อจำกัดมาก เนื่องจากผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งคดีนี้ได้รับความช่วยเหลือจากไอเจเอ็มทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในกัมพูชาที่ได้ให้ความช่วยเหลือในคดีนี้ รวมทั้งการจัดเตรียมพยานหลักฐานเอกสารต่างๆ ด้วย ผลของคดีจึงออกมาอย่างน่าพอใจ
“การร่วมมือกับทุกภาคส่วนมีความสำคัญยิ่ง เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งในทางออกของการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ร่วมกัน รวมถึงการที่รัฐบาลถือว่าเป็นวาระสำคัญระดับต้น เนื่องจากทางภาครัฐได้จัดระบบที่ดีขึ้นกว่าเดิมในเรื่องของแรงงานประมง และทางการให้ ความสำคัญมากขึ้น” พ.ต.ต.อาริชย์ กล่าว
ขณะที่ นายแอนดรูว์ วสุวงศ์ รองผู้อำนวยการมูลนิธิไอเจเอ็ม กล่าวว่า คำพิพากษาในคดีนี้มีนัยสำคัญเพราะแสดงให้เห็นว่าความยุติธรรมเป็นไปได้สำหรับผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมงของไทย และความร่วมมือที่แข็งแกร่งระหว่างรัฐบาลและองค์กรพัฒนาเอกชนก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่แท้จริง มูลนิธิฯ ขอแสดงความยินดีกับหน่วยงานรัฐทั้งของไทยและกัมพูชา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธมิตรในประเทศไทย อาทิ DSI สำนักงานอัยการสูงสุด และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งมูลนิธิฯ เชื่อว่าความร่วมมือที่แข็งแกร่งในภูมิภาคนี้จะปกป้องคนงานในอุตสาหกรรมประมงโดยแสดงให้เห็นว่าหากมีการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงานผู้กระทำผิดจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน
คดีนี้ยังเป็นกรณีศึกษาได้อีกเรื่องหนึ่ง คือการที่ผู้เสียหายได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิไอเจเอ็มในการนำหลักฐานจากคดีในกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับคดีของนายแซม วันนา มายื่นต่อศาลไทยเมื่อปี 2561 จนนำไปสู่การตัดสินจำคุกนายแซมโดยศาลไทยในเวลาต่อมา ซึ่ง น.ส.ศิริวรรณ ว่องเกียรติไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์กฎหมายเพื่อสังคม ให้ความเห็นว่า การที่ผู้เสียหายสามารถนำคำพิพากษาของศาลอาญากัมพูชาที่มีต่อจำเลยที่เชื่อมโยงมาถึงคดีนี้ และเป็นสมาชิกของเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามพรมแดนขนาดใหญ่จากประเทศกัมพูชา
ซึ่งหลายคนได้รับโทษจำคุกข้อหาค้ามนุษย์ในกัมพูชาแล้ว นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ และเป็นครั้งแรกที่คำพิพากษาจากศาลกัมพูชาถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานในศาลไทย ทั้งนี้การกำจัดขบวนการค้ามนุษย์ให้หมดไปจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศเช่นนี้ มิฉะนั้นก็ไม่มีทางที่ปัญหาจะจบสิ้นได้ อนึ่ง คดีนี้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อต้นปี 2560 โดยผู้เสียหายทั้ง 5 คนได้หนีออกจากเรือประมงขณะเทียบเท่าในประเทศมาเลเซีย และตำรวจมาเลเซียได้ช่วยประสานกับสถานทูตกัมพูชาประจำมาเลเซียให้ส่งทั้งหมดกลับสู่กัมพูชา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี