จับอดีตนักมวยดัง 'เหลี่ยมเพชร ศิษย์จ่าสิงห์' พร้อมพวก ขโมยกะหล่ำปลี 4 ตัน ชาวม้งร้องลั่นแจ้งความจับได้พร้อมของกลาง พบเป็นถึงลูกชายกำนันดังในพื้นที่ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน
26 มิ.ย.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สันติ สุภา ผกก.สภ.ขุนยวม อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยถึงคดีลักทรัพย์ กลุ่มขโมยกะหล่ำปลี ของชาวม้ง บ้านปางตอง หมู่ 3 ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน โดยเมื่อวานที่ผ่านมา เวลา 11.00 น. ตนพร้อมด้วย พ.ต.ท.ชาญวิทย์ ธรรมรัต รอง ผกก.สส.สภ.ขุนยวม อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขุนยวม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ สถานที่เกิดเหตุไร่กะหล่ำปลี บ้านปางตอง หมู่ 3 ต.แม่อูคอ
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2562 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขุนยวม ได้รับแจ้งว่ามีการขโมยกะหล่ำปลีไปเป็นจำนวนมาก จึงได้จัดชุดสืบสวนออกติดตาม จนกระทั่งเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2562 เวลา 07.05 น. เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุม 1. นายสมชาติ กมลดีเลิศ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 4 ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน , 2. นายปฏิพัทธ์ ศรีคุ้มเกล้า อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37/2 หมู่ 1 ต.แม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน , 3. นายรณชัย คำป้อ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126/2 หมู่ 5 ต.ห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน , 4. นายยะโส หยกแสงดาว อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111/3 หมู่ 5 ต.ห้วยห้อม อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน
พร้อมของกลาง กะหล่ำปลี น้ำหนักประมาณ 2,100 กก. บรรทุกอยู่บนรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมค สีขาว หมายเลขทะเบียน บง-1384 แม่ฮ่องสอน , กะหล่ำปลี น้ำหนักประมาณ 2,100 กก. บรรทุกบนรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สีเทา หมายเลขทะเบียน ยก-4829 เชียงใหม่ , กะหล่ำปลี น้ำหนักประมาณ 300 กก. บรรทุกบนรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า KUN 16R TRMDYT A5 สีขาว หมายเลขทะเบียน ผบ-5557 เชียงใหม่ ขณะที่กำลังเปลี่ยนถ่ายกะหล่ำปลี ที่โกดังบ้านทุ่งรวงทอง ต.แม่ลาน้อย อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน
จากการสอบสวนทราบว่า นายสมชาติ กมลดีเลิศ สารภาพว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2562 เวลา 13.30 น.ได้ว่าจ้างแรงงานต่างด้าวชาวพม่า จำนวน 4 คน ทำการลักลอบตัดกะหล่ำปลี ที่บ้านปางตอง หมู่ 3 ต.แม่อูคอ จากนั้นได้ว่าจ้างนายปฏิพัทธ์ ศรีคุ้มเกล้า อดีตนักมวยชื่อดังที่เคยไปชกมวยที่ เวทีช่อง 7 สี ในนาม 'เหลี่ยมเพชร ศิษย์จ่าสิงห์' และเป็นบุตรชายของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่อำเภอขุนยวม ไปทำการขนกะหล่ำปลี
โดยให้ค่าจ้าง กก.ละ 1 บาท โดยนำกะหล่ำปลี บรรทุกในรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมค สีขาว หมายเลขทะเบียน บง 1384 แม่ฮ่องสอน ของนายสมชาติ น้ำหนักรวมประมาณ 2,100 กก. และบรรทุกในรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่ สีเทา หมายเลขทะเบียน ยก 4829 เชียงใหม่ ของนายปฎิพัทธ์ ศรีคุ้มเกล้า น้ำหนักประมาณ 2,400 กก. จากนั้นเวลา 17.30 น.ของวันเดียวกัน ได้นำรถบรรทุกกะหล่ำปลี มุ่งหน้าไปถึง ยังบ้านทุ่งรวงทอง อ.แม่ลาน้อย เวลา 20.20 น. และนายสมชาติ กมลดีเลิศ ได้โทรศัพท์ไปหานายรณชัย คำป้อ เพื่อติดต่อขายกะหล่ำปลี และนายรณชัย ได้โทรศัพท์หานายยะโส หยกแสงดาว เพื่อขายกะหล่ำปลี ซึ่งนายยะโส ได้ตกลงรับซื้อ โดยให้ราคา กก.ละ 4 บาท ต่อมาตอนเช้าวันที่ 24 มิ.ย.2562 ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังขนถ่ายกะหล่ำปลี ใส่รถของนายยะโส หยกแสงดาว ได้ประมาณ 300 กก. จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว
พ.ต.อ.สันติ สุภา ผกก.สภ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า คดีดังกล่าว เป็นที่สนใจของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่เคยมีการจับกุมในคดีขโมยกะหล่ำปลีมาก่อน อย่างไรก็ตามคาดว่าก่อนหน้านี้ น่าจะมีการลักลอบขโมยกะหล่ำปลี ในลักษณะดังกล่าวมาหลายครั้ง แต่เจ้าของไร่กะหล่ำปลีไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ในครั้งนี้มีคนเห็นการลักลอบตัดและบรรทุกออกจากไร่ และไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้สามารถติดตามจับกุมตัวมาได้ทันควัน
อย่างไรก็ตาม ผกก.สภ.ขุนยวม กล่าวต่อไปว่า อยากจะขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องชาวม้งที่ปลูกกะหล่ำปลีในทุกพื้นที่ ให้จัดเวรยามคอยเฝ้าระวังพืชผลทางการเกษตรของตนอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ปัจจุบัน ราคากะหล่ำปลี มีราคาสูงถึง กก.ละ13 บาท ทำให้เกิดการลักลอบขโมยกะหล่ำปลีไปขายได้เนื่องจากได้ราคาดี สำหรับกะหล่ำปลีที่ถูกจับกุมได้ในครั้งนี้ มีน้ำหนักรวมประมาณ 4,500 กก. มีราคาประมาณ 58,500 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี