บช.ปส.โชว์จับยานรกอื้อ ยึดของกลางนับล้าน ทรัพย์สิน อีกอื้อ รวมมูลค่ากว่า167ล้าน เร่งสืบสวนขยายผลทันควัน พบเครือข่าย“บังหลำบ๊ก”แก๊งผู้มีอิทธิพล3จว.ชายแดนใต้ พัวพันทั้งคดีค้ายา-ฆ่าผู้อื่น
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2 พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 พล.ต.ต.บัญชา ศรีพัทยากร ผบก.สกส.บช.ปส. พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 แถลงจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 9 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 1,413,800 เม็ด เคตามีน 20 กิโลกรัม เอ็กซ์ตาซีหรือยาอี 5,000 เม็ด โคคาอีน อีก 1,210 กรัม และทรัพย์สินหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 167,270,000 บาท
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า คดีแรกเจ้าหน้าที่จับกุมนายอิบรอฮิม เจ๊ะฮะ อายุ 29 ปี และนายอาทิตย์ สะสม อายุ 35 ปี พร้อมของกลาง ยาบ้า 383,800 เม็ด รถกระบะ และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง ภายหลังสืบสวนติดตามเครือข่ายนักค้ายาข้ามชาติของนายอุสมาน สแลแมง ที่ลักลอบลำเลียงจากประเทศลาว ผ่านชายแดนเข้าสู่ประเทศไทย ก่อนนำไปขายยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งนายอุสมาน หลบหนีการจับกุมไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน มีหมายจับและมีรางวัลนำจับของ บช.ปส.กว่า 2 ล้านบาท
ต่อมาชุดสืบสวนพบว่านายอิบรอฮิม และนายอาทิตย์ ลอบลำเลียงยาอีจากประเทศมาเลเซีย ไปส่งลูกค้าใน กทม.และปริมณฑล ก่อนจะนำยาบ้าจาก กทม.กลับไปส่งลูกค้าใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และประเทศมาเลเซีย จึงสกัดจับกุมได้ที่ถนนเพชรเกษม 42 ขาเข้า ต.บาเจาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยยังพบความเชื่อมโยงกับนายรอเฟต หลำบ๊ก หรือ “บังหลำบ๊ก” ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของนายอุสมาน รวมถึงรับยาเสพติดจากเครือข่าย มากระจายให้ลูกค้า สำหรับนายรอเฟต เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติด รวมถึงต้องโทษจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น มีประวัติถูกจำคุกในเรือนจำบางขวาง และเรือนจำเขาบิน กระทั่งย้ายเรือนจำไปหลายแห่ง จนมีเครือข่ายกว้างขวาง ทั้งนี้ ได้แจ้งข้อหาและขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินเป็นบ้าน 3 หลัง รถยนต์ 3 คัน รวมมูลค่าประมาณ 13 ล้านบาท
คดีที่ 2 ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 และ บก.ขส.ตรวจยึดยาบ้า 30,000 เม็ด ได้ที่ป่าหญ้าริมถนนซอยเทศบาล 17 หมู่ 5 บ้านกล้วย ต.เขาท่าพระ อ.เมือง จ.ชัยนาท หลังจากได้รับแจ้งว่ากลุ่มผู้ค้ายาเสพติดใน จ.สิงห์บุรี จะส่งมอบยาเสพติดให้ลูกค้า เมื่อเจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบทั้งหมดน่าจะไหวตัวทัน จึงทิ้งยาแล้วหลบหนี ส่วนคดีที่ 3 ได้เข้าจับกุมนายเกลน ชิวาสเซลโล อูโก อายุ 43 ปี ชาวเคนยา และนายโอชิตะ โจเซฟ อุคปา อายุ 40 ปี ชาวไนจีเรีย พร้อมของกลาง โคเคอีน 65 ก้อน น้ำหนัก 1,210 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้พบตัวนายเกลน เป็นบุคคลต้องสงสัยจึงเชิญตัวไปตรวจร่างกาย พบสิ่งแปลกปลอมในช่องท้อง โดยนายเกลน ยอมรับว่าได้กลืนยาเสพติดดังกล่าวเข้าไป ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงสามารถจับกุม นายโอชิตะ ผู้ร่วมขบวนการ ที่มารอรับโคเคอีนดังกล่าว
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่า คดีที่ 4 จับกุม นายชางกุย เกา อายุ 27 ปี ชาวจีน พร้อมของกลาง เคตามีน 10 กิโลกรัม และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง หลังจากมีการตรวจยึดพัสดุภัณฑ์ที่จะส่งไปเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยภายในพบเคตามีน 28 กิโลกรัม บรรจุในกล่องนมผง จึงขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ส่งชาวจีน กระทั่งพบตัวนายชางกุย หนึ่งในผู้ต้องหา เข้ามาประเทศไทยเพื่อลักลอบนำยาเสพติดออกนอกประเทศ จึงจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ตรวจค้นในห้องพักพบกระเป๋าเดินทาง และห่อชา 10 ถุง ภายในมีเคตามีน จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดี
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า คดีสุดท้ายเข้าจับกุม น.ส.อรนภา เดชสุนทรภิญโญ อายุ 18 ปี และ น.ส.ณัฐลดา จุฬาสุวรรณ อายุ 38 ปี พร้อมของกลาง เอ็กซ์ตาซี่ 5,000 เม็ด น้ำหนักประมาณ 2,741 กรัม และโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง จับกุมได้ภายหลังได้รับแจ้งว่ามีพัสดุต้องสงสัยซุกซ่อนยาเสพติดส่งเข้ามาประเทศไทย ผ่านบริษัทขนส่งระหว่างประเทศแห่งหนึ่ง จึงตรวจสอบพบว่ามีต้นทางส่งจากประเทศฝรั่งเศส
ภายในมีถุงใส่เสื้อผ้าแบบหูหิ้ว ซุกซ่อนซองเทปกาว มีเม็ดยาคละสี 5,000 เม็ด เมื่อตรวจสอบด้วยน้ำยาทราบว่าเป็นเอ็กซ์ตาซี่ จึงขยายผลติดตามจากชื่อและที่อยู่ ซึ่งแจ้งไว้บนกล่องพัสดุ จนจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองไว้ได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี