กรมชลฯระบุวิกฤติอุทกภัยภาคอีสาน เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำ “เมืองอุบลฯ” ลดลง คาดอีก 4-5 วัน ประชาชนกลับคืนสู่บ้านเรือนได้
15 กันยายน 2562 นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ล่าสุดกรมชลฯสั่งลดการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ลงในอัตรา 750 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที(ลบ.ม.ต่อวินาที) จาก800 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งการลดการระบายลงไปเรื่อยๆ เพื่อกักน้ำไว้ใช้ฤดูแล้งที่จะถึงอีก 1 เดือนข้างหน้า หากไม่มีฝนตกมาก ซึ่งปัจจุบันแม่น้ำปิง ระดับน้ำลดเหลือ 114 ลบ.ม.ต่อวินาที แม่น้ำน่าน 919 ลบ.ม.ต่อวินาที ไหลมารวมที่แม่น้ำเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ 1,198 ลบ.ม.ต่อวินาที ปล่อยระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยา 750 ลบ.ม.ต่อวินาที ผันเข้าระบบชลประทานฝั่งซ้าย -ขวา 464 ลบ.ม.ต่อวินาที ทั้งนี้ คลองโผงเผง จ.อ่างทอง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำท่วมประจำทุกปี ยังมีน้ำท่วมตลิ่งเล็กน้อย 7 ซม. รวมทั้ง ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า สถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานี เข้าสู่สภาพวะลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้บินสำรวจพื้นที่ประสบอุทกภัยหนักหลายอำเภอที่อยู่ปลายน้ำแม่น้ำมูล เช่น อ.วารินชำราบ อ.พิบูลมังสาหาร อ.สว่างวีระวงศ์ อ.โขงเจียม ก่อนที่น้ำมูลจะลงสู่แม่น้ำโขง โดยเป็นจุดรับมวลน้ำท่วมจาก จ.ร้อยเอ็ด ยโสธร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี พร้อมสั่งการให้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเพิ่มที่ อ.โขงเจียม อีก 100 เครื่อง จากเดิม 100 เครื่อง และที่บริเวณแก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร 60 เครื่อง รวม 260 เครื่อง ทำให้ปริมาณน้ำลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 1 ซม.
ทั้งนี้ ช่วงเช้าวันนี้ที่ อ.เมืองอุบลราชธานี สถานีวัดน้ำM7 ระดับน้ำอยู่ที่ 10.86 เมตร จากเดิมระดับสูงสุด 10.97 เมตร ลดเกือบ 11 ซม. ซึ่งการเพิ่มเครื่องผลักดันน้ำส่งผลการระบายน้ำได้มากขึ้น 30% เป็นวันละ 500 ล้านลบ.ม. คาดว่าภายใน 4-5 วัน ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ และสิ้นเดือนกันยายนนี้ ปริมาณน้ำจะเข้าสู่ระดับตลิ่ง รวมทั้งน้ำท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่การเกษตร จะดำเนินการสูบออก พร้อมกับหารือกับท้องถิ่น และเกษตรกร ว่าพื้นที่ใดจะกักเก็บน้ำไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง เช่น ลำห้วย แก้มลิง
รองอธิบดีกรมชลฯ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่น้ำท่วมภาคอีสานลดระดับลงได้เร็วตามที่คาดการณ์ จากการจัดการปริมาณน้ำ ลุ่มน้ำชีลดระบายเขื่อนวังยาง และลำน้ำมูล ลดระบายเขื่อนราษีไศล ที่สำคัญคือลดอัตราการระบายเขื่อนใหญ่ๆเช่นเขื่อนลำปาว เขื่อนอุบลรัตน์ และหยุดการระบายเขื่อนขนาดกลางใน สาขาลำน้ำชี เพราะฝนลดลง ต้องเก็บน้ำไว้ ที่สำคัญที่สุดการเร่งอัตราการระบายน้ำ ปลายน้ำ อ.โขงเจียม กับ อ.พิบูลมังสาหาร ตรงนี้ทำให้อัตราการลดระดับน้ำทำได้ดีมาก
“ถ้าไม่มีอิทธิพลฝนตกเพิ่มเข้ามา จะเข้าสู่ภาวะปกติสิ้นเดือนกันยายนนี้ ปริมาณน้ำค้างทุ่งเหลือเพียง1 พันกว่าล้าน ลบ.ม. ที่จะไหลลงไปที่ราบลุ่มแอ่งกะทะของ จ.อุบลราชธานี ก่อนไหลออกแม่โขง คือ อ.วารินชำราบ และเคลื่อนตัวไป อ.พิบูลมังสารหาร อ.สว่างวีระวงศ์ อ.โขงเจียม ในระหว่าง 2 สัปดาห์ พื้นที่เหล่านี้น้ำท่วมจะลดลงไปเรื่อยๆ มวลน้ำอยู่ก้อนท้ายสุด ไม่เกินสิ้นเดือน เพราะลักษณะกายภาพของแม่น้ำมูล ไหลออกสู่แม่โขง ที่จุดเดียว คือ อ.โขงเจียม” นายทวีศักดิ์ กล่าว
นายทวีศักดิ์ กล่าวอีกว่า ระดับน้ำท่วมพื้นที่หลายอำเภอ ริมแม่น้ำมูล ปีนี้น้อยกว่าปี 2521 อยู่ที่ 12.76 เมตรจากท้องน้ำ ท่วมตลิ่ง 4 เมตร ส่วนปีนี้ ระดับสูงสุด 10.97 เมตร ท่วมตลิ่งกว่า 3 เมตร แต่สูงมากว่าปี2545 อยู่ประมาณ 20 ซม.โดยปี 2545 อยู่ที่ 10.77 เมตร ซึ่งนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯได้สั่งตั้งศูนย์บัญชาการแก้อุทกภัยล่มน้ำชี มูล (ส่วนหน้า) ที่ จ.อุบลราชธานี ขึ้นมา เพราะต้องการทำให้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายกลับสู่ปกติได้เร็วขึ้นจะลดความเสียหายลงได้ และชาวบ้านต่างทุกข์กันมาก จะต้องทำทุกวิถีทางให้ผ่านพ้นวิกฤติโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ หลังจากน้ำลดทุกหน่วยงานต้องพร้อมเข้าช่วยเหลือได้ทันที โดยใช้กลไกศูนย์บัญชาการส่วนหน้า ทั้งระหว่างนี้สามารถสั่งตรงทันทีนำเครื่องมือ เครื่องจักรไปเพิ่มจุดใดและคอยติดตาม ลดขั้นตอนการสั่งการ เพื่อให้ทุกอย่างทำงานได้ไวขึ้น จะเป็นต้นแบบ “อุบลราชธานีโมเดล” รองรับพื้นที่อื่นต่อไป โดยเฉพาะเดือนตุลาคม จะเป็นฤดูฝนของภาคใต้ จะตั้งรับที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สงขลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี