จากธุรกิจเกี่ยวกับเส้นไหมของครอบครัว พงษ์เพชร ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหม่อนไหมมายาวนาน เมื่อมีวัตถุดิบเพิ่มมากขึ้น จึงได้ขยายธุรกิจแปรรูปผลิตภัณฑ์ จากดักแด้ทอดธรรมดา กลายเป็นดักแด้ไหมอีรี่บรรจุกระป๋อง ภายใต้ชื่อ “ภูฟาร์ม”
นายพัทธพงษ์ พงษ์เพชร เจ้าของผลิตภัณฑ์ “ดักแด้ไหมอีรี่บรรจุกระป๋อง” กล่าวว่า ดักแด้ไหมอีรี่ เป็นวัตถุดิบ ที่เป็นผลพลอยได้มาจากธุรกิจครอบครัว จากการนำเส้นไหม มาแปรรูปเป็นผ้าไหม ซึ่งแต่ละเดือน ดักแด้ไหมอี่รี่ จะมีมากถึง 9 ตัน จึงต้องหาวิธีมาแปรรูปให้เกิดมูลค่า
ซึ่งเริ่มเลี้ยงไหมอีรี่มาตั้งแต่ พ.ศ.2550 ทั้งการทำธุรกิจเกี่ยวกับไหม เลี้ยงตัวไหม ผ่านกระบวนการผลิตเพื่อส่งขายเป็นผ้าไหม ซึ่งเมื่อก่อนตัวดักแด้สดก็จะส่งขายให้กับแม่ค้าในภาคอีสานและภาคกลาง แต่เมื่อผลผลิตมีเพิ่มมากขึ้น จึงต้องหาวิธีแปรรูปผลิตภัณฑ์ ให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
จึงได้เข้าร่วมอบรมผู้ประกอบการ ตามโครงการบ่มเพาะวิสาหกิจ ศูนย์ส่งเสริมความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ในโครงการอบรมทักษะประกอบอาชีพ เพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ตัวนี้ โดยตอนแรก ยังพบกับปัญหามากมาย เช่น อายุการผลิต ซึ่งไม่ทราบแน่นอนว่าสามารถเก็บไว้ได้นานเท่าไหร่ หรือจะเป็นเรื่องกลิ่นหืนของดักแด้อีรี่อัดกระป๋อง
ต่อมาได้รับความร่วมมือจาก อาจารย์ ดร.อัศวิน อมรสิน อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นผู้ให้คำแนะนำ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และอายุการเก็บรักษาที่มากยิ่งขึ้น โดยทำการวิจัย ศึกษา และเก็บข้อมูลหาค่าความเสถียร ทั้งในเรื่องการใช้ความร้อนในการทอด และอายุการเก็บรักษา ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน
ส่วนวิธีการผลิตก็ไม่ยุ่งยาก เริ่มจากนำรังไหมมาตัดแล้วนำตัวดักแด้ไหมออกมา จากนั้นคัดเอาไซส์ที่ตัวอวบอ้วน สมบูรณ์ เมื่อได้ตัวดักแด้มาแล้วก็นำไปเข้าช่องแช่แข็ง นาน 24 ชั่วโมง จากนั้นก็นำมาพักไว้เพื่อคลายความเย็นสักพัก จากนั้นก็ถึงเวลาทอดกรอบ โดยตั้งกระทะเทน้ำมัน รอน้ำมันให้เดือดที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เมื่อทอดจนเหลืองกรอบแล้ว ก็นำขึ้นมาซับน้ำมันออก เสร็จแล้วก็นำไปเข้าตู้อบแห้งลมร้อนที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อออกจากตู้อบ ก็นำมาปรุงรส โดยการคลุกเคล้ากันให้ทั่ว ก่อนจะนำมาบรรจุในกระป๋อง ขนาด 20 กรัม แล้วก็นำเข้าเครื่องปิดฝากระป๋อง แล้วก็นำมาติดฉลาก แสตมป์วันหมดอายุ แล้วก็นำออกวางจำหน่าย โดยอายุของดักแด้ไหมอีรี่บรรจุกระป๋องจริงๆ จะอยู่ได้นาน 6 เดือน แต่เพื่อรักษาความสดสะอาดจะปิดฉลาดให้สามารถรับประทานได้ภายใน 4 เดือน ส่วนราคาจำหน่ายก็ไม่แพงเพียงแค่กระป๋องละ 35 บาทเท่านั้น
โดยดักแด้ไหมอีรี่บรรจุกระป๋อง จะมีหลากหลายรสชาติให้เลือกชิมกันถึง 8 รสชาติ แต่รสที่เป็นที่นิยมก็คือ ดักแด้อีรี่ในน้ำเกลือ ดักแด้อีรี่รสต้มยำ บาร์บีคิวและรสโนริสาหร่าย หากได้รับประทานสิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือความกรุบกรอบ ความหอมมัน เหมือนแมลงทอดสดใหม่
ดร.อัศวิน อมรสิน อาจารย์ประจำคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ดักแด้ไหมอีรี่ มีโปรตีนสูง ซึ่งในการพัฒนานำดักแด้มาบรรจุกระป๋อง ถือเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยผู้ที่ได้รับประโยชน์คือเกษตรกรผู้เลี้ยงไหมโดยตรงในช่วงแรกดักแด้ไหมอีรี่บรรจุกระป๋อง ที่ผ่านกระบวนการทอดและอบ มีเนื้อสัมผัสที่ร่วนและแห้งเกินไป ทำให้ไม่เป็นที่นิยม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับมากขึ้น จำเป็นจะต้องมีการพัฒนากระบวนการแปรรูปให้เหมาะสม จนสามารถผลิตออกมาได้ตามกระบวนการที่ต้องการและเป็นที่ยอมรับของตลาดและผู้บริโภค ซึ่งนอกจากดักแด้ไหมอีรี่จะมีโปรตีนสูง และไขมันต่ำแล้ว ยังมีกรดอะมิโนและกรดไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย
สำหรับใครที่ชื่นชมแมลงฝูงบินต่ำ อาหารเพิ่มโปรตีนในร่างกายก็สามารถหาซื้อมาลองชิมได้ ซึ่งดักแด้ไหมอีรี่บรรจุกระป๋องมีจำหน่ายที่ศูนย์แสดงสินค้า MSU OUTLETมหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือสามารถติดต่อได้สั่งซื้อได้ที่หมายเลข 08-7766-8420 หรือที่ MSU OUTLET 0-4375-4015, 08-1532-5075
สุคนธ์ทิพย์ กำธรเจริญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี