เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษา หรือ “UniNet” ภายใต้ร่มกระทรวงอุดมศึกษาฯ พบตั้งงบบำรุงรักษาเครือข่ายแบบเหมาเข่ง เฉียด 600 ล้าน ซ้ำซ้อนกับงบอินเตอร์เน็ตโรงเรียนของ สพฐ.
16 ตุลาคม 2562 แหล่งข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยว่า ภายหลังรัฐบาลมีการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีการยกสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา(สกอ.) จากกระทรวงศึกษาธิการไปสังกัดกับกระทรวงใหม่ดังกล่าว ทำให้บทบาทหน้าที่เกี่ยวกับเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (UniNet) หรือซึ่งเป็นเครือข่ายแกนหลักของเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ ย้ายตามไปด้วย กระทั่งมีประเด็นเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณที่ซ้ำซ้อนกับทางกระทรวงศึกษาธิการ
สำหรับ UniNet คือการให้บริการเครือข่ายไฟเบอร์ ออฟติก และอินเทอร์เน็ต แก่สถาบันการศึกษาทุกระดับ มีสำนักงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา ในสังกัด สกอ.เป็นผู้ดูแล ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าการที่ สกอ. ย้ายไปอยู่ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษาฯ ได้นำเอาภารกิจ UniNet ติดไปด้วย และมีการของบประมาณในส่วนบำรุงรักษาโครงข่ายอินเตอร์เน็ตในวงเงินเท่ากับปีก่อนๆ ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ซึ่งยังอยู่ในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ ก็มีการของบประมาณในการเช่าอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการทั่วไป เพื่อใช้ในโรงเรียนทั่วประเทศ
ทั้งนี้ จึงถูกมองว่ามีความซ้ำซ้อนกันหรือไม่ เนื่องจากการที่ สพฐ. ไปใช้บริการเช่าอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการทั่วไป ก็ต้องไม่เป็นส่วนหนึ่งในการใช้งบบำรุงรักษาโครงข่ายของ UniNet
สำหรับรายละเอียด ปีงบประมาณ 2563 สกอ. ภายใต้การกำกับของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ได้มีการของบประมาณเพื่อใช้จ่ายในการจ้างเหมาบำรุงรักษาซ่อมแซม แก้ไข และปรับเปลี่ยนโครงข่ายสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (UniNet) วงเงินงบประมาณ 592 ล้านบาท โดยระบุวัตถุประสงค์เพื่อบำรุงรักษาสายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงระยะทางประมาณ 67,000 กิโลเมตร ครอบคลุมบริการจำนวนสถาบันการศึกษากว่า 10,000 แห่งทั่วประเทศ ทั้งระดับอุดมศึกษา ระดับอาชีวศึกษา และระดับขั้นพื้นฐาน
ขณะที่ สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ ก็ของบประมาณสำหรับค่าบริการอินเทอร์เน็ต จัดสรรให้กับโรงเรียนภายใต้สังกัด เพื่อจัดหาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตได้เองตามความเหมาะสมมาใช้งาน เฉลี่ยโรงเรียนละ 3,000-5,000 บาทต่อเดือน รวมวงเงินงบประมาณมากกว่า 350 ล้านบาท
ในเอกสารการใช้จ่ายงบประมาณในส่วนของ UniNet ได้ปรากฏรายชื่อโรงเรียนในสังกัด สพฐ.จำนวนหนึ่งที่ระบุว่าเป็นผู้รับบริการ ซึ่งเป็นรายชื่อเดียวกับที่ปรากฏในรายชื่อที่ สกอ. ตั้งงบสนับสนุนค่าอินเตอร์เน็ตไว้ จึงมีข้อสังเกตว่าเป็นการของบประมาณที่ซ้ำซ้อนกันหรือไม่
ก่อนหน้านี้ทางสำนักงบประมาณ ได้ให้ทั้ง 2 หน่วยงานไปกำหนดขอบเขตระหว่างกัน เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกัน แต่กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยงบประมาณที่ขอยังเป็นวงเงินเดิม ซึ่งมีการอ้างตัวเลขผู้ใช้บริการจำนวนเดิมทั้งหมด และอ้างถึงความเร่งด่วน
“สิ่งที่น่าสังเกต คือ การตั้งงบประมาณของ UniNet ทำไมสูงถึงเกือบ 600 ล้านบาท ขณะที่ภารกิจในการซ่อมบำรุงลดน้อยลงมาก หลังจากที่ สพฐ.ได้จัดสรรงบประมาณให้กับโรงเรียนโดยตรง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้บริการซ่อมบำรุงของ UniNet และยังเป็นการของบซ้ำซ้อนด้วย” แหล่งข่าว ตั้งข้อสังเกต
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นพ.ธีรเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คนที่ผ่านมา ได้ตั้งขอสังเกตเกี่ยวกับเรื่องการบริหารของ UniNet ที่ปรากฏในการประชุม เมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ว่า สพฐ. และ กศน. เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากการซ่อมบำรุงไฟเบอร์ ออฟติก ก็ควรจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และยังสามารถจัดหาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเองได้อยู่แล้ว
สำหรับการจัดหาผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการทั่วไปของ สพฐ. และ กศน. ก็เพื่อทดแทนเครือข่าย UniNet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ การบริหาร และรัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่ายลง แต่กลับไม่มีการตอบสนองจากฝ่ายปฏิบัติ กระทั่งมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน ซึ่งมีการแยก สกอ. ไปสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ทาง UniNet ก็มีการตั้งตัวเลขงบประมาณดังกล่าวเท่าเดิม โดยไม่ได้ลดน้อยลงตามภารกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี