ถ้าเราเชื่อกันว่า “พรสวรรค์เป็นความสามารถพิเศษที่สวรรค์มอบให้มากับคนแต่ละคน” เป็นเรื่องจริง เราก็ต้องยอมรับว่า “ฉะนั้นคนทุกคนย่อมมีความสามารถไม่เท่าเทียมกันและไม่เหมือนกัน”
ในความเป็นวิทยาศาสตร์ หากเรียนรู้ลงลึกไปถึง ด้านพลังสมองของมนุษย์ก็จะพบว่าคนแต่ละคนมีรอยหยักของสมองที่ไม่เหมือนกัน และสมรรถภาพของสมองในด้านความคิดการใช้งานก็ต่างกันไป
และคงจะเป็นเพราะมนุษย์มีความแตกต่างกันใน เรื่องของความสามารถและสมรรถนะนี้กระมัง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงประกาศออกมาเสียงดังว่า “การพัฒนานวัตกรรมจากงานวิจัย ต้องมาจากพื้นฐานความเชี่ยวชาญด้านอัตลักษณ์” ซึ่งคงหมายถึง การจะสร้างงานให้ดี งานนั้นต้องมาจากความสามารถของตัวตนของ ตัวเองเป็นสำคัญ
ตัวตนของมหาวิทยาลัยสวนดุสิต นับตั้งแต่ ยังเป็นโรงเรียนการเรือน ใครๆ ในยุคนั้นย่อมทราบดีว่า วิชาการเกี่ยวกับเรื่องการบ้านการเรือนของโรงเรียนนี้เด่นไม่แพ้กับความสวยความงามของนักเรียนซึ่งมีแต่สาวๆ ล้วน เรื่องนี้ อดีตนายทหารใหญ่ต่างรู้จักกันดี เพราะ ในยุคนี้ ทุกตอนเย็นไม่มีวันใดที่จะไม่เห็น นักเรียนนายร้อยมารอรับเพื่อนสาวจากโรงเรียนนี้ จนทำให้ หนุ่มๆ ในวิทยาลัยครูสวนสุนันทาพากัน ตาร้อน หัวร้อน ไปตามๆ กัน จนเกิดวลี จากบทเพลงที่แต่งกันเองประโยคหนึ่งว่า “นายร้อยก็ยังไม่หล่อสู้ ปกศ.ก็ยังไม่ได้” แต่นั่นก้อเป็นเพียงบทเพลงเท่านั้น หาใช่ความจริงไม่เพราะผลลัพธ์อันเป็นคำตอบสุดท้าย ลงเอยที่ว่า หนุ่มๆ ปกศ.(ที่ว่าหล่อกว่านายร้อย) ต่างก็เป็นเจ้าของไร่ แห้วกัน 99.9%ฮ่าฮ่าฮ่า
จากอดีตกว่าห้าสิบปี มาถึงวันนี้
รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต คนปัจจุบัน ออกมาบอกถึงตัวตน หรือ อัตลักษณ์ของ สถาบันแห่งนี้กับสังคมว่า ความเชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตคือ อัตลักษณ์ด้านอาหาร และโรงเรียนอนุบาลละอออุทิศ ด้วยเหตุนี้ นโยบายในการปรับบทบาทอุดมศึกษากับงานวิจัยที่สร้างนวัตกรรมสู่ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” จึงขอให้ทุกคนยึดถือ อัตลักษณ์ของสวนดุสิตเพราะเกิดจากความเข้มแข็งบนพื้นฐานของความเป็นจริง
เรา (แนวหน้า และ คนอ่านแนวหน้า) ลองมาดูกันซิว่าคนรุ่นนี้จะใช้ความเข้มแข็งของคนรุ่นก่อนมา สร้างการพัฒนาให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไร???
รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน อธิการบดี มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้มอบนโยบายไว้ในการอบรมสัมมนา เรื่อง การปรับบทบาทอุดมศึกษากับงานวิจัยที่สร้างนวัตกรรมสู่ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” ให้กับคณะผู้บริหาร คณาจารย์ ว่าอยากให้คณาจารย์ทำความเข้าใจก่อนการพัฒนานวัตกรรม เป็นลำดับแรก คือ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เป็นสถาบันการศึกษาที่ตอบ โจทย์ปัญหาสังคมและชุมชน ดังนั้น การพัฒนานวัตกรรมงานวิจัย ควรนำจุดแข็ง และความเชี่ยวชาญที่เป็นรากฐานของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตมาพัฒนาต่อยอด เพื่อพัฒนาชุมชน ส่งต่อองค์ความรู้ให้เกิดความยั่งยืน
รศ.ดร.ศิโรจน์ ขยายความคำว่า นวัตกรรมให้ทราบว่า“นวัตกรรม” ตามแบบฉบับของสวนดุสิต คือ การบริหารจัดการคุณภาพการศึกษาบนพื้นฐานความเชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนสาธิตละอออุทิศได้พัฒนาหลักสูตรละออพลัส (LA-OR PLUS) เพื่อเตรียมเป็นโรงเรียน 2 ภาษา และนำความเชี่ยวชาญอัตลักษณ์ด้านปฐมวัยมาต่อยอดเป็น โครงการ October Camp 2019 โดยเฉพาะอัตลักษณ์ด้านอาหาร มหาวิทยาลัยมีวิทยาเขตสุพรรณบุรีที่เป็นที่ตั้งโรงงานแปรรูปอาหาร โรงงานผลิตเนย ซึ่งคณาจารย์ทุกคนควรตระหนักและบูรณาการเชื่อมโยงกันภายในให้เกิดความเข้มแข็ง เพราะตัวมหาวิทยาลัยสวนดุสิต ถือเป็นผู้ประกอบการหลักที่สามารถซื้อนวัตกรรมของคณาจารย์ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ ในอนาคตเล็งให้วิทยาเขตสุพรรณบุรี รวมถึงศูนย์การศึกษานอกที่ตั้ง ตรัง ลำปาง นครนายก เป็นศูนย์กลางแต่ละภูมิภาคในการผลิตและกระจายสินค้าขนมท็อฟฟี่เค้ก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ หากเราทำให้เกิดขึ้นได้ และเป็นกระบวนการ โดยเน้นวิธีคิด ตามแบบฉบับสวนดุสิต นวัตกรรมที่มาจากงานวิจัยจะยั่งยืน เพราะเกิดจากความเข้มแข็งบนพื้นฐานของความเป็นจริง
ความเข้มแข็งในอัตลักษณ์ของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป การรู้เขารู้เรา(ว่าเราแข็งอะไร อ่อนอะไร)ย่อมนำมาสู่ความสำเร็จในการงาน เห็นนโยบาย การนำเอาจุดแข็งของ ม.สวนดุสิตมาสร้างการพัฒนาในครั้งนี้ ทำให้ นึกเลยเถิดไปถึงรัฐบาลที่เพิ่งผ่านงบประมาณมาหมาดๆ ว่าอย่าลืม!! ยึดถือจุดแข็งอันเป็นอัตลักษณ์ของตัวเองเอาไว้ให้แน่น แล้วจงทำไปตามอัตลักษณ์ของตนเองความสำเร็จที่เกิดขึ้นจะได้มั่นคงและยั่งยืนตลอดไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี