ครม.ไฟเขียวแก้กฎกระทรวงปลูก “กัญชง” ได้ เปลี่ยนเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่แทนยาเสพติด ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ ตามสายพันธุ์ที่รัฐบาลกำหนด
เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุลรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 เฉพาะกัญชง ทั้งนี้รัฐบาลกำลังผลักดันกัญชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ เพราะมีคุณสมบัติเป็นยาบำรุงโลหิต ช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น และรักษาอาการปวดศีรษะและไมเกรน รวมถึงเปลือกและลำต้นยังเป็นเส้นใยได้ด้วย
ขณะที่เนื้อไม้สามารถผลิตเป็นกระดาษได้และแกนต้นสามารถนำไปทำเป็นพลังงานชีวมวล เช่น แกนแอลกอฮอล์ เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวง เพื่อแก้ไขกฎกระทรวงเดิมที่มีความเข้มงวดและไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ขณะที่กฎหมายใหม่มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในการสร้างรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันพัฒนาประเทศและเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของครม.ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและพัฒนานวัตกรรมด้านการเกษตร
น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกันก็จะมีการวิจัยและพัฒนากัญชง เพื่อไปใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นการทำยาสมุนไพร เครื่องสำอาง อาหาร เพราะมีสารสกัดเช่นเดียวกับกัญชา ซึ่งสาระสำคัญของกฎกระทรวงดังกล่าวจะอนุญาตให้หน่วยงานทุกภาคส่วนที่เป็นบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลสามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้ โดยมีระยะเวลา 5 ปีนับตั้งแต่ที่กฎกระทรวงมีผลบังคับใช้ พร้อมทั้ง อนุญาตให้ครัวเรือนสามารถปลูกกัญชงได้ครัวเรือนละไม่เกิน 1 ไร่ เพราะของเดิมเคยปลูก เพื่อนำไปทอผ้าเป็นสิ่งทออยู่แล้ว แต่จะต้องมีใบอนุญาตและปลูกในสายพันธุ์ที่รัฐกำหนดให้ตามพัฒนาสายพันธุ์ของกัญชงไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี