เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) คณะใหญ่ ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมว่า ศธ.ได้เสนอเรื่องให้ ศบค.พิจารณาผ่อนปรนในเรื่องการเปิดโรงเรียน ซึ่งทาง ศบค.ได้พิจารณาถึงความเหมาะสมและเหตุผลต่างๆ หลายๆ อย่าง
ทั้งนี้ ศบค.ได้มีมาตรการและแนวทางที่ชัดเจนในการเปิดเรียน โดยให้นำมาตรการต่าง ๆทั้งหมดไปเผยแพร่ให้โรงเรียนทุกสังกัดทั้งโรงเรียนภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคท้องถิ่น และโรงเรียนสังกัด กทม.ได้ เห็นภาพชัดที่จะเปิดเรียนในช่วงวิกฤตินี้ เพราะหวังว่าการเปิดเรียนที่โรงเรียนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด จึงให้สถานศึกษาไปพิจารณาดูว่าสามารถทำตามมาตการและแนวทางนี้ได้หรือไม่ โดยมีสาระสำคัญในที่โรงเรียนจะต้องบริหารจัดการ เช่น เรื่องการให้นักเรียนเข้าเรียนแบบเหลื่อมเวลากัน หากโรงเรียนใดมีข้อติดขัดก็ให้นำเสนอกลับมาที่ต้นสังกัดก่อน ว่าจะมีวิธีให้สอดคล้องกับมาตรกา ของ ศบค.นี้อย่างไร หากโรงเรียนสามารถทำตามมาตรการนี้ได้ ศธ.ก็ต้องส่งเรื่องให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณาก่อน
"โรงเรียนประเภทใดจะสามารถเปิดเรียนที่โรงเรียนได้เมื่อใดนั้น ผมยังตอบไม่ได้ ซึ่งโรงเรียนที่จะขอเปิดจะต้องนำมาตรการของ ศบค.วันนี้ไปเป็นแนวทางในการเปิดโรงเรียน ขณะนี้ไม่เพียงแต่โรงเรียนนานาชาติที่ขอเปิด โรงเรียนทั่วไปทุกสังกัด รวมถึงโรงเรียนขนาดเล็ก ก็อยากเปิดเรียน ดังนั้น ทางโรงเรียนก็ต้องพิจารณามาตรการนี้ดูก่อนว่าโรงเรียนทำได้ หรือไม่ได้ ซึ่งแต่ละโรงเรียนก็มีคณะกรรมการสถานศึกษาอยู่แล้ว ก็ให้กรรมการสถานศึกษาประเมินตนเองก่อนว่าสามารถทำตามมาตรการของ ศบค.ได้หรือไม่ หากทำได้ ก็ให้โรงเรียนส่งเรื่องมาที่ต้นสังกัด และศธ.จะนำเรื่องกลับให้ที่ประชุม ศบค. พิจารณาภาพรวมในการเปิดเรียนอีกครั้ง"
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.ได้มีมาตรกาผ่อนปรนให้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดสอบตำแหน่งต่างๆ เพื่อรองรับตำแหน่งว่างได้ โดยให้ใช้สถานศึกษาเป็นสถานที่จัดสอบ รวมถึงการจัดสอบเข้าเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ม.1) และ ม.4 ในวันที่ 6 - 7มิ.ย.นี้ด้วย
นายณัฏฐพล กล่าวดเพิ่มเติมถึงกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงรายงานภาวะสังคมไทย ไตรมาสหนึ่ง 2563 จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดการณ์ว่าแรงงานจะมีความเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้าง 8.4 ล้านคน และในจำนวนนี้ มีผู้ที่จบการศึกษาใหม่ 5.2 แสนคน จะมีผลกระทบเนื่องจากไม่มีตำแหน่งงานร้องรับนั้น น่าจะเกี่ยวกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่จะดูแล และในส่วนของนักเรียนอาชีวะซึ่งอาจจะมีไม่มาก ซึ่ง ศธ.ก็เตรียมมาตาการในการหาทางช่วยเหลืออยู่
ขณะที่นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กล่าวในประเด็นนี้ว่า ในที่ประชุม ศบค.มีการพิจารณาวาระที่มีการเสนอให้มีการเปิดเรียนซึ่งเดิมเป็นวันที่ 1 ก.ค 2563 โดยยังให้คงวันดังกล่าวไว้เช่นเดิม แต่มีการหารือในประเด็นที่จะเลื่อนให้เร็วขึ้นได้หรือไม่ ในบางส่วนบางโรงเรียน เช่น โรงเรียนห่างไกลพื้นที่ต่างจังหวัด และอัตราการเกิดโรคไม่ได้มาก และเป็นโรงเรียนที่ห้องเรียนมีจำนวนคนไม่มาก สมควรที่จะเปิดได้ก่อนหรือไม่ เช่นเดียวกับโรงเรียนเอกชน ที่มีห้องเรียนน้อย จำนวนนักเรียนต่อห้องไม่มากทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ซึ่งในข้อสรุป คือยังยึดวันเปิดเทอมเป็นวันที่ 1 ก.ค. 2563 เช่นเดิม แต่ถ้ามีความพร้อมเกิดขึ้นก่อนอาจจะสามารถขยับเร็วขึ้นได้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า โดยหลักการกว้าง ๆ ที่ ผอ.ศบค.ให้ไว้ อาทิ 1.ขนาดโรงเรียน สถานที่ตั้งของโรงเรียนอยู่ห่างไกล ไม่ได้มีอัตราการติดเชื้อสูง อยู่ในถิ่นทุรกันดาร เพื่อให้นักเรียนได้รับการเรียน 2. หากเป็นพื้นที่ในเมืองต้องเดิน อาจสลับเหลื่อมเวลาเรียน 3 วันต่อสัปดาห์ ถ้าสามารถทำได้ จะทำให้ไม่แออัดกันมาก ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนด้วย โดยเน้นเฉพาะกลุ่มเด็กโต เนื่องจากเด็กเล็ก หากมาเรียน อาจจะมีความเสี่ยงเพราะอยู่ใกล้ชิดกัน นอนกลางวัน และเล่นกัน
โฆษก ศบค. กล่าวว่า ส่วนโรงเรียนนานาชาติที่ข้อร้องมาว่า การเรียนที่จะต้องมีการเปิดเทอมขึ้นเร็ว เพราะให้ทันของกระแสโลก และการเรียนที่เป็นมาตรฐานของต่างประเทศนั้น ยังไม่มีข้อตกลง ว่าจะเป็นข้อสรุปอย่างไร โดยทั้งหมดได้มอบให้ นายณัฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไปศึกษารายละเอียดและหาข้อสรุปของแต่ละเรื่องมานำเสนออีกครั้งในการประชุม ศบค.ครั้งต่อไป และจะชี้แจงความชัดเจนต่อประชาชนอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี