นิคมอุตสาหกรรมจะนะ เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้า
ความหวังและอนาคตของชาวสงขลาและจังหวัดชายแดนใต้ (1)
เอ็นจีโอค้านทำไม ทั้งๆ ที่ประชาชนได้ประโยชน์?
การรับฟังความคิดเห็นของคนในพื้นที่ 3 ตำบล ใน อ.จะนะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ“เมืองต้นแบบที่ 4” หรือ “เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ในพื้นที่เกือบ 20,000 ไร่ ใน ต.นาทับ ตลิ่งชัน และ สะกอม ซึ่งจัดโดย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยมีตัวแทนจากผู้ประกอบการ ที่เป็นเจ้าของโครงการ คือ บริษัท ทีพีไอ โพลีน และ ไออาร์ซีพี หรือ การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ให้รายละเอียดของโครงการ แก่ผู้เข้าร่วมเวที รับฟังความคิดเห็นกว่า 1,500 คน ณ ห้องประชุม รร.จะนะวิทยา ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น จะผ่านไปด้วยดี
ทั้งนี้ ผู้เข้าแสดงความคิดเห็น มีตัวแทนจากทุกสาขาอาชีพ รวมทั้งมี นักกฎหมาย ที่ได้เสนอความเห็นซึ่งแม้จะเห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว แต่มีก็ความห่วงใย และท้วงติง รวมทั้งเรียกร้อง จากผู้ที่เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างที่จะเกิดขึ้น เพื่อขอความมั่นใจ จากศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ในคำมั่นสัญญาว่าจะต้องเป็นไปตามที่มีการนำเสนอทั้งก่อนหน้านี้ และในวันนี้
อย่างไรก็ตาม เสียงส่วนใหญ่ของผู้สนับสนุนนั้น เชื่อว่าการเกิดขึ้นของเมืองอุตสาหกรรม จะนำมาซึ่งประโยชน์อันมหาศาลที่ชาวอ.จะนะ จะได้รับ เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว โครงการ “เมืองต้นแบบที่ 4” ก็ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากโครงการ “EEC” ใน 4 จังหวัดของภาคตะวันออก หรือ “ระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก” ที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว เพียงแต่ในพื้นที่ดังกล่าว ไม่มี “เงื่อนไข” เพียงพอให้ “เอ็นจีโอ” ต่อต้านโครงการดังกล่าวเท่านั้น
ส่วนเหตุผลของ ศอ.บต. ที่รับหน้าที่จากรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ก็เพื่อให้เกิด “เมืองต้นแบบที่ 4” เพราะเห็นชัดเจนว่า สภาพความเป็นอยู่ของคนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่อาจจะฝากไว้กับเรื่อง การเกษตร การประมง การท่องเที่ยว เพียงเท่านี้ เพราะที่ผ่านมายังไม่เห็นช่องทางที่จะทำให้ปัญหาของคนในพื้นที่ได้รับการแก้ไข การที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องอาศัยการเกิดขึ้นของอุตสาหกรรม ระดับอภิมหาโปรเจกท์ อย่าง “เมืองต้นแบบที่ 4” เท่านั้น
ที่สำคัญ จะรองรับจำนวนคนว่างงานกว่า 100,000 คน ผู้ที่จบการศึกษาปีละ 75,000 คน เพื่อให้มีที่ยืน และเชื่อว่า“เมืองต้นแบบที่ 4” จะเป็นประตูการ “ส่งออก”ประตูที่ 3 ของประเทศไทยที่จะสร้างความ “มั่งคั่ง”ให้กับประเทศชาติ และสร้างความ “มั่นคง” ให้กับคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้เห็นต่างของโครงการ “เมืองต้นแบบที่ 4” คือ มีด้วยกันทั้งสิ้น 4 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 คือกลุ่ม คัดค้านที่มีอาชีพ ประมงพื้นบ้านภายใต้ “ร่มเงา” ของ เอ็นจีโอ ซึ่งไม่ใช่ของใหม่สำหรับคนในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพราะเป็นผลผลิต ที่ เอ็นจีโอ เมื่อ20 ปีก่อน ที่ปลูกฝังให้ ประมงพื้นที่บ้าน ต่อต้านการเกิดขึ้นของโรงงานแยกก๊าซ ไทย-มาเลเซีย ที่ ต.ตลิ่งชัน ด้วย “มอตโต” ที่ติดปากคนในพื้นที่คือ “มึงสร้างกูเผา” ต่อด้วยการต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งถ้านับจำนวนเฉพาะคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้มีอาชีพประมงพื้นที่บางส่วน น่าจะไม่เกิน 200 คน แต่เป็น 200 คน
ที่ถูก “ปลูกฝัง” ให้ต่อต้านทุกโครงการ แบบ “กัดไม่ปล่อย” เพราะเชื่อว่าอุตสาหกรรมทุกประเภท คือตัวการทำลายล้างท้องทะเลให้สัตว์น้ำสูญหาย สิ่งแวดล้อมถูกทำลาย อาชีพประมง “ล่มจม”
กลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มต่อต้าน ที่ต้องการผลประโยชน์ จากโครงการ ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ กลุ่มนี้จะต่อต้านแบบมีข้อเรียกร้อง เช่น พร้อมที่จะสนับสนุน แต่มีเงื่อนไขว่า โครงการจะต้องให้ในสิ่งที่ต้องการ หรือให้กลุ่มของตนเองมีส่วนร่วมในประโยชน์ที่ได้รับ
กลุ่มที่ 3 คือกลุ่มนักวิชาการ เครือข่ายในชื่อต่างๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อต่อต้านโครงการใหญ่ของรัฐและของกลุ่มทุน โดยเชื่อว่า อุตสาหกรรม คือตัวทำลายสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดการ “กัดเซาะ” ชายฝั่ง มลภาวะ และเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของคนในพื้นที่
กลุ่มที่ 4 คือ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน บีอาร์เอ็น ที่อาศัย “ปีกทางการเมือง” ในรูปแบบภาคประชาสังคม กว่า 30 กลุ่ม ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และ สงขลา) ซึ่งจะ แนบแน่นกับเครือข่ายของกลุ่ม หรือองค์กรสิทธิมนุษยชน และ เอ็นจีโอ ระดับชาติและระดับสากล เพื่อขยายความขัดแย้ง ระหว่างรัฐกับประชาชนให้เกิด “เงื่อนไข”ให้มากที่สุด
แต่...กลุ่มต่อต้าน หรือ “เห็นต่าง” ที่สังคมเห็นชัดเจนที่สุดคือ กลุ่มประมงพื้นที่ส่วนหนึ่งประมาณ 200 คน ที่อยู่ภายใต้ “ปีกโอบ” ของเอ็นจีโอ เพราะ เอ็นจีโอเป็นผู้วางแผนในการใช้ “วาทกรรม” และใช้ช่องทางการสื่อสาร ในการทำ “ไอโอ” ที่เหนือกว่าหน่วยงานของรัฐหลายเท่า
เช่นการสร้าง “เฒ่าทะเล” เพื่อ เล่าตำนานความรุ่งเรืองของอาหารจะนะ สร้าง “ลูกสาวท้องทะเล” เพื่อเล่าถึงความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเล ของอาชีพประมงพื้นที่บ้าน และ “เดินสาย” คัดค้านในรูปแบบที่ “อินเตอร์” คือ เขียนจดหมายถึง “ปู่ประยุทธ์” นอนหน้า “ศาลากลาง”เพื่อรอคำตอบ และยื่นจดหมายน้อยกับ “ยูเอ็น” เพื่อคัดค้านโครงการดังกล่าว ซึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการ “แย่งซีน” จาก “สื่อ” ที่ได้ผล เพราะ “สื่อ” จะให้ความสนใจ ข่าวแบบที่
เอ็นจีโอ นำเสนอ
ความจริง “วาทกรรม” ที่ เอ็นจีโอ “บอกบท” ให้กับกลุ่มผู้ “เห็นต่าง” ล้วนเป็นเรื่องเก่าๆ เช่น ขบวนการรับฟังความคิดเห็นไม่รอบด้าน เวทีไม่เปิดกว้าง ไม่ให้กลุ่มผู้ “เห็นต่าง” เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น อนุมัติโครงการโดยไม่ถามคนในพื้นที่ ใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้น ฯลฯ ฉะนั้นจึงเรียกร้องให้ยุติโครงการ “เมืองต้นแบบที่ 4” หรือไม่ก็เริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเสียงต้าน แต่เมืองต้นแบบที่ 4 หรือ“เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต”ก็ต้องเดินหน้าต่อไปเพราะภาครัฐ เล็งเห็นแล้วว่า สามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างมหาศาล ทั้งในด้านเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี