11 สิงหาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ร.ต.ท.จีรพงศ์ เกิดเรณู รอง.สว.(สอบสวน)สภ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากนายประสงค์ สังขสุวรรณ ส.อบต.ไล่โว่ ว่าได้รับแจ้งจากชาวชาวบ้านผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ว่า เกิดเหตุมีคนใช้อาวุธทำร้ายกันเสียชีวิต รวม 3 ราย เหตุเกิดท้องที่บ้านไล่โว่-สาละวะ หมู่ 4 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี ซึ่งพื้นที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านที่อยู่กลางป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก
หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นจึงประสานแพทย์เวร รพ.สังขละบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เพื่อเดินทางไปตรวจสอบยังจุดเกิดเหตุ แต่เนื่องจากจุดเกิดเหตุนั้นเป็นเส้นทางที่ต้องขึ้นเขาและลงห้วยที่สูงชั้น อีกทั้งเป็นเส้นทางที่คับแคบและต้องผ่านแม่น้ำลำห้วยหลายสาย และกำลังเข้าสู่ในช่วงเวลากลางคืน จึงทำให้ยากต่อการเดินทาง ถึงแม้จุดเกิดเหตุจะอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ประมาณ 23 กิโลเมตรก็ตาม แต่ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะไปถึง
ต่อมาเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันเดียวกัน ร.ต.ท.จีรพงศ์ เกิดเรณู พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ที่กำลังเดินทางเข้าพื้นที่ ได้รับแจ้งจากนายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นายก อบต.ไล่โว่ ว่าตามเส้นทางการเดินทางได้มีรถยนต์ของชาวบ้านเสียจอดขวางเส้นทางระหว่างหน่วยพิทักษ์ป่าตะเคียนทอง-บ้านสาละวะ จำนวน 1 คัน และบริเวณเส้นทางระหว่าง บ้านสาละวะ-บ้านไล่โว่ ที่อยู่บนภูเขาอีก จำนวน 1 คัน ทำให้รถยนต์ของเจ้าหน้าที่ไม่สามารถผ่านไปได้ คณะเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเดินทางเข้าไปยังจุดเกดเหตุในช่วงเช้าของวันรุ่งขึ้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.00น. วันนี้ 11 ส.ค.63 ร.ต.ท.จีรพงศ์ เกิดเรณู รอง สว.(สอบสวน)สภ.สังขละบุรี พร้อมด้วย พญ.วีระภรณ์ วิวัฒนาเกษมสุข แพทย์เวร รพ.สังขละบุรี และนายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นายก อบต.ไล่โว่ จึงได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงไปถึง โดยมีนายคมสันต์ พิทักษ์ชาติคีรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ร.ท.กรันชัย ภควัฒน์นานนท์ หัวหน้าชุดประสานงานโครงการพัฒนาชุมชนฯ รวมทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ และชาวบ้านจำนวนมากรออยู่ในที่เกิดเหตุ
สำหรับผู้เสียชีวิตมีทั้งหมดจำนวน 3 ราย รายแรกคือนายชาตรี สังขฐิติ อายุ 47 ปี ชาวบ้านหมู่ 1 ต.ไล่โว่ สภาพศพนอนเสียชีวิตอยู่บนถนนคอนกรีต จากการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้นพบถูกของมีคมฟันเข้าที่ต้นคอขวาเฉียงไปทางไหล่ซ้าย เป็นแผลฉกรรจ์ทำให้ลำคอเกือบขาด
ห่างไปประมาณ 150 เมตร พบศพรายที่สองคือนายชำนิ แก้วชลาลัย อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/2 หมู่ 4 ต.ไล่โว่ นอนเสียชีวิตอยู่กับพื้นดิน สภาพศพถูกฟันเข้าที่บริเวณลำคอเป็นแผลฉกรรจ์ 3 แผล และผู้เสียชีวิตรายที่สามคือนายพอทุ่ง ไม่มีนามสกุล อายุ 54 ปี เสียชีวิตอยู่หลังบ้านเลขที่ 19 หมู่ 4 ต.ไล่โว่ โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของผู้เสียชีวิตเอง สภาพศพพบนอนหงาย มือทั้ง 2 ข้างกำกระบอกปืนแก๊ปยาวเอาไว้กลางลำตัว บริเวณปากพบแผลจากการถูกยิง อีกทั้งมีเขม่าดินปืนอยู่ที่ปากเป็นจำนวนมาก
เบื้องต้นคาว่า นายพอทุ่งใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าวยิงตัวเองเพื่อหนีความผิด ด้วยการใช้ปากอมกระบอกปืนจากนั้นใช้นิ้วเท้าข้างใดข้างหนึ่งเหนี่ยวไกยิงตัวเองจนเสียชีวิต จากการตรวจสอบโดยรอบเจ้าหน้าที่พบอุปกรณ์ประกอบกระสุนปืนแก๊ปจำนวนหนึ่ง และพบอาวุธมีดพร้าเปื้อนเลือดยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ตกอยู่เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
ทั้งนี้นางย่งตวย คุณก้องยืนยง ภรรยาของนายพอทุ่ง ผู้เสียชีวิตจากอาวุธปืน ให้การว่า สามีของตนเป็นคนลงมือใช้อาวุธมีดพร้า ไล่ฟันนายชาตรีและนายชำนิ จนเสียชีวิตทั้งคู่ จากนั้นจึงลงมือก่อเหตุใช้อาวุธปืนแก๊ปยิงกรอกปากตนเองเสียชีวิตตาม โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 16.00 ของวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังทอผ้าอยู่ที่ระเบียงบ้าน สามีของตนคือนายพอทุ่ง ได้บอกกับตนว่าจะไปตกปลา จากนั้นก็ได้เดินลงจากบ้านด้วยการถือตะกร้าสำหรับใส่ปลา พร้อมเบ็ดตกปลา ตนเห็นเดินมุ่งหน้าไปทางบ้านของนายชำนิ ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าไปยังลำห้วยที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน
เวลาผ่านไปประมาณ 20-25 นาที สามีของตนได้เดินกลับมาที่บ้าน โดยถือปืนแก๊ปมาด้วย ซึ่งอาการของสามีขณะนั้นลักษณะคล้ายกับคนที่กำลังคลุ้มคลั่ง และได้บอกกับตนว่า เพิ่งไปก่อเหตุใช้อาวุธมีดไล่ฟันนายชาตรีและนายชำนิ จนตายสมใจแล้ว และยังบอกกับตนอีกว่า ไม่ต้องห่วงตนเองว่าจะโดนตำรวจจับกุม ตนจะแก้ปัญหานี้เอง ด้วยความตกใจที่เห็นสภาพของสามี ตนจึงรีบวิ่งไปบ้านญาติที่อยู่ใกล้กัน และไม่นานนักตนก็ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ต่อมาเพื่อนบ้านได้วิ่งมาบอกตนเป็นภาษากะเหรี่ยงว่า สามีของตนใช้อาวุธปืนยิงตัวตายอยู่ที่หลังบ้านแล้ว
ด้านนายรุ่ง พรหมมา กล่าวว่า ตนเป็นลูกเขยของนายชำนิ ที่เสียชีวิต โดยก่อนเกิดเหตุ ตนกับภรรยาและลูก กำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้าน ส่านนายชำนิ พ่อตากำลังนั่งกินหมากอยู่อยู่ที่ชานบ้าน ที่มีเปลนอนเล่นผูกเอาไว้นอนเล่นอยู่เป็นประจำ อยู่ๆนายพอทุ่ง ก็ได้เดินขึ้นมาบนบ้านของตนโดยไม่พูดจาอะไรกับใคร จากนั้นได้เดินปรี่เข้าไปหาพ่อตาของตน พร้อมกับใช้อาวุธมีดพร้าที่เตรียมมาฟันพ่อตาของตนไปหลายครั้ง จนร่างตกลงไปจากบ้าน ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างรู้สึกตกอกตกใจและหวีดร้องออกมาจนเสียงดัง และก็พบว่าพ่อตาของตนเสียชีวิตแล้ว หลังก่อเหตุนายพอทุ่ง ก็ได้เดินหนีไป
ขณะเดียวกันนายสมบูรณ์ คุณก้องยืนยง เปิดเผยว่า ตนเป็นลูกชายของนายพอทุ่ง ผู้ก่อเหตุและเสียชีวิตจากการใช้อาวุธปืนยิงตัวเองเสียชีวิต ก่อนเกิดเหตุตนอยู่ภายในบ้าน ส่วนแม่กำลังนั่งทอผ้าอยู่ จากนั้นพ่อของตนก็มาบอกว่าจะไปหาปลาที่ลำห้วยท้ายหมู่บ้าน หลังจากพ่อเดินไปไม่ไกลจากบ้านมากนัก ตนได้ยินเสียงคล้ายกับพ่อกำลังคุยกับใคร ตนจึงโผล่หน้าออกไปดู ก็พบว่าพ่อกำลังคุยอยู่กับนายชาตรี ที่กลางถนน
จากนั้นเห็นพ่อเงื้อเอามีดพร้าขึ้นมาแล้วฟันใส่นายชาตรีอย่างแรง จนเสียชีวิต เมื่อตนเห็นตนจึงรีบขับขี่รถจักรยานยนต์ไปยังบ้านสาละวะ เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหาร ชุดประสานงานฯและแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้าน ทราบเรื่อง กว่าจะกลับถึงบ้านก็มืดมากแล้ว และมาทราบภายหลังว่าพ่อได้ใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิตแล้ว ส่วนสาเหตุนั้นตนไม่ทราบว่าแรงจูงใจในการก่อเหตุเกิดจากอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าอาจจะเกิดจากแรงหึงหวง ส่วนสาเหตุที่แท้จริงอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ แต่ทั้งนี้ศพของนายพอทุ่ง ผู้ก่อเหตุ และศพของนายชำนิ ทางญาติได้นำไปประพิธีทางศาสนาด้วยวิธีฝัง เนื่องจากในพื้นที่ไม่มีเมรุ ส่วนศพของนายชาตรี ญาติได้นำกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านสะเนพ่อง ตั้งแต่วานนี้แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี