วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าบ้านอ่างเตยต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา สืบทอดภูมิปัญญาปลูกหม่อน เลี้ยงไหม และการทอผ้าไหม มาอย่างยาวนานจนผลิตผ้าไหมคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ที่สุดจึงสามารถผลิตเส้นไหมผ่านการรับรองมาตรฐาน มกษ.5900-2559 และมาตรฐาน มกษ.8000-2555 ประมาณ 400-600 เมตร/ปี ซึ่งมีกลุ่มผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ได้รับมาตรฐานนี้
สำหรับบ้านอ่างเตย ประชาชนส่วนใหญ่อพยพมาจากภาคอีสานตอนล่าง เช่น จ.บุรีรัมย์ การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเน้นหลักของความพอประมาณพึ่งพาตนเอง มีกิจกรรมลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ในครัวเรือน เช่น การปลูกผักไว้กินภายในครัวเรือน และสามารถขยายได้ในรูปของกลุ่ม มีการจัดทำบัญชีครัวเรือน เพื่อให้รู้รายรับ-รายจ่าย นำไปสู่การพึ่งพาตนเอง มีการรวมกลุ่มบริหารจัดการทุนในชุมชนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การจัดตั้งกลุ่มปุ๋ยหมักชีวภาพ วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกไผ่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าบ้านอ่างเตย เป็นต้น
โดยมีผลิตภัณฑ์ของชุมชนที่โดดเด่น ได้แก่ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ไม้กวาดดอกหญ้า หน่อไม้ไผ่ตง ผักปลอดสารพิษ ปุ๋ยชีวภาพอัดเม็ด น้ำยาล้างจาน แชมพูสระผม สบู่ ยางพารา และผลไม้ เช่น กล้วย มะม่วง ขนุน สับปะรด เป็นต้น
นางสาวลำแพน สารจันทึก ผู้อำนวยการศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สระบุรี เปิดเผยว่า บ้านอ่างเตย มีการรวมกลุ่มครั้งแรก เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2536 ในนาม กลุ่มทอผ้าไหมบ้านอ่างเตย และในช่วงนี้มีเหตุการณ์สำคัญที่ยังอยู่ในความทรงจำของทุกคน คือ การได้มีโอกาสทูลเกล้าฯถวายผ้าไหมแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อครั้งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินมายังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อำเภอท่าตะเกียบ เพื่อเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผ้าไหมบ้านอ่างเตยได้นำผลงานเข้าไปแสดงในสวนจิตรลดา
ต่อมาได้มีการยกระดับการดำเนินงานของกลุ่ม ด้วยการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ในนาม วิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าบ้านอ่างเตย เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2550
ด้วยการเข้ามาส่งเสริมและพัฒนาอย่างต่อเนื่องของกรมหม่อนไหม โดยศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า
สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สระบุรี โดยได้ดำเนินงานตามนโยบายของกรมหม่อนไหมตามแผนปฏิบัติราชการทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าหม่อนไหมให้ได้คุณภาพและมาตรฐานเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดสินค้าหม่อนไหมในระดับนานาชาติ ยกระดับงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านหม่อนไหม และเสริมสร้างองค์กรให้มีสมรรถนะสูง ได้ก่อให้เกิดการพัฒนาของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าบ้านอ่างเตยมาอย่างต่อเนื่อง และได้กลายเป็นหนึ่งในต้นแบบความสำเร็จ ผืนผ้าที่ผลิตจำหน่ายภายใต้ แบรนด์ “โส๊ดละออ” ซึ่งแปลว่า ผ้าไหมผืนสวย ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศเป็นอย่างดี
โดยผ้าไหม โส๊ดละออ เป็นผ้าที่มาจากการทอด้วยความใส่ใจของเหล่าสมาชิก โดยรูปแบบของผ้าไหมที่ทอมีทั้งผ้าพื้นและผ้าลาย มีหลายแบบหลายขนานให้เลือก สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายตามต้องการ รวมทั้งตัดเป็นชุดสวมใส่ได้สวยงาม
ปัจจุบันวิสาหกิจชุมชนกลุ่มปลูกหม่อนเลี้ยงไหมทอผ้าบ้านอ่างเตย มีสมาชิก 63 ราย มีการเลี้ยงไหมพันธุ์ J 108 x นางลายสระบุรี จำนวน 8 – 10 รุ่น ต่อปี อีกทั้งสามารถผลิตเส้นไหมผ่านการรับรองมาตรฐาน มกษ.5900-2559 และมาตรฐาน มกษ.8000-2555 ประมาณ 400-600 เมตร/ปี
นอกจากนี้ยังสามารถผลิตผ้าไหมตรานกยูงพระราชทานสีทอง สีเงิน สีน้ำเงินและสีเขียว ปีละ 400 – 500 เมตร และนำไปสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม เช่น ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ ผ้าถุง ผ้ามัดหมี่ ผ้าพื้นและเส้นไหมดิบ จากการผลิตที่เน้นคุณภาพเป็นหลัก จึงทำให้แบรนด์“โส๊ดละออ” ได้รับการตอบรับจากตลาดผู้นิยมผ้าไหมเป็นอย่างดี สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนในชุมชน ถึงเดือนละ 150,000 – 200,000 บาท หรือประมาณปีละ 1.5 – 2 ล้านบาท
และล่าสุด ด้วยความงดงามของลวดลายและได้มาตรฐานของเส้นไหม ยังได้เซ็นสัญญาซื้อขายเส้นไหมล่วงหน้ากับร้านฅญาบาติก ร้านผ้าไหมชื่อดังของ จ.นครราชสีมา โดยรับซื้อเบื้องต้นในราคา กก.ละ 1,800 บาท ทำให้ชุมชนแห่งนี้ มีรายได้เพิ่มจากส่วนนี้ ซึ่งถือเป็นอีกความภาคภูมิใจของกรมหม่อนไหมอย่างมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี