สงครามโลกครั้งที่ ๑ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ มีทหารเข้าร่วมรบถึง ๖๖ ล้านคน มีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบถึง ๙ ล้านคน และบาดเจ็บอีกกว่า ๓๐ ล้านคน โดยแบ่งผู้ขัดแย้งออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายเยอรมัน มี ประเทศออสเตรีย ฮังการี บุลกาเรีย และตุรกี กับฝ่ายสัมพันธมิตร ประกอบด้วย ๒๕ ประเทศ อาทิ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เบลเยียม โบลิเวีย บราซิล จีน คิวบา โปรตุเกส โรมาเนีย เซอร์เบีย สยาม เชคโกสโลวาเกียอุรุกวัย ฯลฯ ใช้เวลาในการรบยาวนานถึง ๕๐ เดือน ทำให้เสียค่าใช้จ่ายไปราว ๑๘๖,๓๓๓ ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับประเทศไทย ในช่วงแรกที่เกิดสงครามอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมี พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงเป็นพระประมุข ทรงดำเนินพระบรมราโชบาย “กรุงสยามเป็นกลางระหว่างสงคราม” เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่า คงไม่สามารถเป็นกลางอยู่ได้โดยตลอด จึงทรงสำรวจตรวจสอบ ผลของการรบว่าฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ และได้ตัดสินพระราชหฤทัยส่งกองทหารเข้าร่วมรบกับ ฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐
หลังจากประกาศสงครามแล้ว กระทรวงกลาโหมได้ประกาศรับสมัครทหารอาสา และได้คัดเลือกไว้ จำนวน ๑,๒๘๔ นายจัดเป็นกองทหารอาสา โดยมี พันเอก พระเฉลิมอากาศ (สุนี สุวรรณประทีป) เป็นผู้บังคับการกองทหารอาสา แบ่งออกเป็น ๓ หน่วย คือ กองบินทหารบก กองทหารบกรถยนต์ และ กองพยาบาล ทหารอาสาทั้งหมดร่วมกระทำพิธีสาบานตนต่อธงชัยเฉลิมพล ณ บริเวณหน้าพระราชวังสราญรมย์ และได้เดินทางออกจากท่าราชวรดิษฐ์ ในวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๑ โดยเรือกล้าทะเล และเรือศรสมุทร เพื่อไปขึ้นเรือเอ็มไพร์ซึ่งฝรั่งเศสส่งมารับที่เกาะสีชัง แล้วเดินทางต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ และสุดท้ายเดินทางไปจนถึงเมืองท่ามาร์เซย์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๑
สงครามโลกครั้งที่ ๑ ใช้เวลายาวนานถึง ๔ ปี จนกระทั่งวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑ เยอรมันได้ติดต่อฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อขอเจรจาสงบศึก และทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสงบศึกบนรถไฟ ณ เมืองคองเปียน ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๑
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทหารอาสาไทยเดินทางไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ ๑ ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๑ กองทหารบกรถยนต์ ได้ยกพลไปสู่เขตหน้าแห่งยุทธบริเวณ และได้ลำเลียงกำลังพลให้กับกองทัพบกฝรั่งเศสภายในย่านกระสุนตกด้วยความกล้าหาญ รัฐบาลฝรั่งเศสจึงมอบเหรียญตราครัวเดอแกร์ (Croix de Guerre) ประดับธงชัยเฉลิมพลของกองทหารบกรถยนต์ เพื่อเป็นเกียรติ และเมื่อเหล่าทหารอาสาเดินทางกลับมา ก็ได้นำความรู้จากการฝึกและการปฏิบัติการทางยุทธวิธี มาปรับปรุงเพื่อใช้ในกองทัพ ทั้งยังจัดตั้งกรมอากาศยาน ซึ่งปัจจุบันคือกองทัพอากาศ ขณะที่กองทหารบกรถยนต์นั้น ปัจจุบันก็คือกรมการขนส่งทางบก โดยประเทศไทยมีอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงเกียรติประวัติของทหารอาสา ที่เดินทางไปร่วมรบ เรียกว่า อนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑ ที่รัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นบริเวณด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสนามหลวง ทางด้านโรงละครแห่งชาติ และพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
ทั้งนี้ นอกจากสร้างเป็นเกียรติประวัติแล้ว ยังใช้เป็นที่บรรจุอัฐิของเหล่าทหารอาสาที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติการรบ ในสงครามโลกครั้งที่ ๑ จำนวน ๑๙ นาย โดยมีพิธีบรรจุอัฐิ เมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๖๒ ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางพวงมาลาคารวะดวงวิญญาณด้วยพระองค์เองอีกด้วย
ในโอกาสวันที่ระลึกทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑ ในวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ของทุกปี องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในฐานะหน่วยงานของรัฐซึ่งมีหน้าที่ดูแลและให้การสงเคราะห์เชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก ได้กำหนดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลทางศาสนาพุทธ และพิธีวางพวงมาลา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีเป็นผู้แทนพระองค์วางพวงมาลา รวมทั้งมีผู้แทนหน่วยงาน ส่วนราชการ สมาคม ผู้ช่วยทูตทหารฝ่ายต่างประเทศประจำประเทศไทย ตลอดจนทายาทของทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑ ร่วมวางพวงมาลาณ อนุสาวรีย์ทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑ บริเวณ สนามหลวง เพื่อร่วมรำลึกและสดุดีในความกล้าหาญเสียสละของทหารอาสาสงครามโลกครั้งที่ ๑
ขอบคุณข้อมูลจากกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี