กอร.ฉ. ประเมินเซอร์ไพรส์ผู้ชุมนุม เป็นการขยายจุดชุมนุมเพิ่มขึ้นแบบดาวกระจาย เตรียมส่งกำลังเกือบ 2,000 นาย ดูแลสถานการณ์ พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วตามประกบม็อบราษฏร เผยล่าสุดจับกุมผู้ชุมนุมแล้ว 76 ราย ยืนยัน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยังมีความจำเป็น

เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) แถลงยืนยันว่า กองอำนวยการร่วมแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง หรือ กอร.ฉ. ยังไม่มีการหารือถึงการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ขีดเส้นให้ยกเลิกภายในช่วงเย็นวันนี้

รองผบ.ช.น. กล่าวว่า ส่วนเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่ผู้ชุมนุมประกาศไว้ หากข้อเรียกร้องไม่ได้รับการตอบสนอง กอร.ฉ. ประเมินว่า จะเป็นการขยายพื้นที่ชุมนุมลักษณะดาวกระจาย ซึ่งได้เตรียมกำลัง 12 กองร้อย หรือ 1,860 นาย ไว้ดูแลการชุมนุมแล้ว โดยมีพล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นหัวหน้าควบคุมสั่งการ เน้นปฏิบัติการเป็นชุดเคลื่อนที่เร็ว

สำหรับการจับกุมกลุ่มผู้ชุมนุมช่วงที่ผ่านมา จำนวน 76 คน แบ่งเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา 21 คน ความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 54 คน และ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน 1 คน

ส่วนกรณีเหตุชุลมุนบริเวณป้อมตำรวจ แยกบางนา ทำให้ป้อมและไฟจราจรได้รับความเสียหาย ล่าสุด ตำรวจจับตัวนายขวัญ จีนา ตามหมายศาลอาญาจังหวัดพระโขนง ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปนอกจากนี้ ยังจับกุม นายปฏิวัติ สาหร่ายแย้ม หรือ หมอลำแบงก์ ที่บ้านพักจังหวัดขอนแก่น ความผิดตามมาตรา 116 และจับกุมนายประวิทย์ สมรัตน์ ที่ปลอมตัวเป็นตำรวจ เข้าไปสร้างความวุ่นวายในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ,ทำให้เสียทรัพย์ และชุมนุมเกิน 10 คนขึ้นไป