มีลุ้นข่าวดีธ.ค.
ผลวัคซีนโควิดเฟสสุดท้าย
อนุทินเดินหน้าชงกักตัว10วัน
ยันพร้อมรับความเสี่ยงเปิดปท.
ชี้ศบค.ไฟเขียวเริ่มเลยปลายปี
ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 9 ราย มาจากต่างประเทศ ในจำนวนนี้ 2 ราย เคยติดเชื้อมาก่อน ด้าน รมว.สาธารณสุขเดินหน้าเสนอศบค.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้าลดกักตัวเหลือ 10 วัน กับนักท่องเที่ยวปท.เสี่ยงต่ำระดับเดียวกับไทย ชี้หากไฟเขียว เปิดรับนักท่องเที่ยวได้ปลายปีนี้ยันเวชภัณฑ์-ยาพร้อมรับมือเปิด ปท. คาดถ้าเข้าไทย 10 ล้านคน โอกาสหลุด100 คน เฉลี่ยสัปดาห์ละ 2 คน ถือเป็นความเสี่ยงที่รับได้ “หมอยง” เผยข่าวดี เดือนธันวาคม ประกาศผลทดลองระยะสุดท้ายวัคซีนโควิด
เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ติดเชื้อใหม่ 9 ราย ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ ผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,861 ราย หายป่วยเพิ่ม 4 ราย จำนวนผู้รักษาหายป่วย 3,697 ราย รักษาในโรงพยาบาล 104 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 60 ราย
ป่วยใหม่9มี2รายประวัติเคยติดเชื้อ
สำหรับผู้ป่วยใหม่ รายที่ 1 มาจากเลบานอน เป็นหญิงไทย อายุ 56 ปี อาชีพพนักงานนวด รายที่ 2 มาจากฟิลิปปินส์ เป็นเพศชาย สัญชาติอินเดีย อายุ 37 ปี อาชีพวิศวกร รายที่ 3,4,5 มาจากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเพศชาย สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 76 ปี เพศหญิงสัญชาติไทย อายุ 52 ปี เป็นแม่บ้าน ทั้ง 2 รายเป็นสามีภรรยา และเพศชาย สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ อายุ 74 ปี รายที่ 6 มาจากอินเดีย เพศหญิง สัญชาติอินเดีย อายุ 45 ปี รายที่ 7 มาจากคูเวต เพศชายสัญชาติไทย อายุ 42 ปี รายที่ 8 และ 9 เป็นผู้มีประวัติเคยติดเชื้อวิด-19 โดยรายที่ 8 มาจากฝรั่งเศส เป็นเพศชายสัญชาติฝรั่งเศส อายุ 43 ปี ตรวจพบเชื้อในการตรวจครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พ.ย. เคยมีประวัติติดเชื้อเมื่อเดือนกันยายน เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชน กทม. และรายที่ 9 มาจากสหราชอาณาจักร เป็นเพศชาย สัญชาติอังกฤษ อายุ 66 ปี เกษียณอายุราชการ มีประวัติเคยติดเชื้อ
กพท.สั่ง พนง.กักตัว14วัน
ขณะที่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.)ประกาศให้พนักงานที่เข้าร่วมประชุมวางแผนขั้นสุดท้ายการฝึกคอบร้าโกลด์ 21 ที่จ.ระยองระหว่างวันที่ 2-6 พฤศจิกายน ที่พบทหารเกาหลีติดโควิด-19 ให้กักกันตัวและทำงานที่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 9-22 พฤศจิกายน และให้เข้าตรวจเชื้อให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ให้พนักงานที่เข้าร่วมประชุม AIS และ AIM) วันที่ 9 พฤศจิกายน กักกันตัวและทำงานที่บ้าน ตั้งแต่วันที่ 10-22 พฤศจิกายน พร้อมให้เข้มงวดมาตรการป้องกันโรค เช่น วัดอุณหภูมิก่อนเข้าทำงาน การใช้แอลกอฮอล์ล้างมือ ใช้หน้ากากป้องกัน
หนูไม่เลิกชงลดกักตัวลุ้นรับปีใหม่
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวหลังเป็นประธานเปิดงาน Smart Living with COVID-19ว่า ไทยมีความพร้อมทั้งด้านยาเวชภัณฑ์ และการรักษาในการรับมือไวรัสโควิด-19 ระบาด ส่วนความคืบหน้าการลดวันกักตัว 10 วัน จากเดิม 14 วันนั้น ทำตามหลักวิชาการทางการแพทย์ และเตรียมเสนอให้ศบค.ชุดใหญ่ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพิจารณาพร้อมข้อมูลรอบด้าน แต่ทุกอย่างคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน อยากให้สื่อมวลชนช่วยทำความเข้าใจการลดระยะเวลากักตัวทำในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ ที่มีอัตราป่วย น้อยหรือเท่ากับไทยเท่านั้น ส่วนประเทศอัตราป่วยโควิดสูงยังกักตัว 14 วันเท่าเดิม คาดว่าจะเสนอศบค. ชุดใหญ่พิจารณาสัปดาห์ หากเห็นชอบมีการประกาศในราชกิจจา ก็คาดว่าจะเริ่มเปิดประเทศไทยจริงปลายธันวาคม ต้อนรับปีใหม่
สำรองยาฟาวิพิราเวียร์กว่า6แสนเม็ด
นายอนุทินกล่าวต่อว่า สำหรับความพร้อมด้านยา และเวชภัณฑ์ในส่วนยาฟาวิพิราเวียร์ มีสำรองไว้ 610,000 เม็ด และยาเรมดิสซิเวียร์ ชยิดฉีดอีก 710 หลอด ยังมีหน้ากากอนามัยและหน้ากากแบบ N95 และ ชุด PPE สำรองไว้จำนานมาก เชื่อว่าเพียงพอรับมือสถานการณ์ ตอนนี้ทุกประเทศยังไม่มีวัคซีนป้องกันโควิด ดังนั้น วัคซีนป้องกันตนเองพื้นฐานคือ สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้าง มีระยะห่าง ยังจำเป็นที่สุด
คาดนทท.เข้าไทย10ล./หลุด100คน
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเพิ่มเติมว่า การลดกักตัวจาก 14 วัน มาเป็น 10 วัน ไม่มีความแตกต่าง ส่วนใหญ่การพบผู้ป่วยจะพบใน 3-5 วันแรก พ้น 10 วัน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยพบว่าป่วยแล้ว หรือหากมีเชื้อก็มีปริมาณเชื้อน้อยมาก การลดวันกักตัวจะทำในกลุ่มประเทศเสี่ยงต่ำ ที่มีอัตราป่วยและติดเชื้อน้อยกว่าไทย หรือ เท่ากับไทย ได้แก่ จีน ไต้หวัน มาเก๊า และเวียดนามก่อน ส่วนประเทศที่อัตราป่วยติดเชื้อสูงยังคง14 วันเท่าเดิม
“มีการตั้งสมมติฐานว่าหากมีนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยปี 2564 ประมาณ 10 ล้านคน เมื่อกักตัวเหลือ 10 วัน โอกาสพบคนป่วยติดเชื้อหลุดรอดมีเพียง 100 คนจาก 10 ล้านคน หรือคิดเป็นโอกาสพบผู้ป่วย 2 คน ต่อสัปดาห์ ซึ่งการป้องกันในไทยยังเหมือนเดิมคือ สวมหน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือ ซึ่งการแง้มประตูเปิดประเทศแน่นอนต้องเผชิญความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่พอยอมรับได้”นพ.เกียรติภูมิกล่าว และว่า หากพบการใช้มาตรการลดวันกักตัว 10 วันไปแล้ว 3 เดือน ไม่มีผู้ป่วยเพิ่มจำนวนมาก ก็อาจพิจารณาลดการกักตัวเหลือ 7 วัน จากนั้นอาจลดเหลือ 0 วัน โดยมาตรการเหล่านี้ต้องประเมินเป็นระยะ
เพิ่มจนท.สอบสวนโรคเป็น3พันทีม
นพ.โอกาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สิ่งที่ไทยต้องเผชิญหากลดกักตัวก็มีตั้งแต่พบผู้ป่วยเล็กน้อยเหมือนกรณีหญิงฝรั่งเศส หรือพบผู้ป่วยติดเชื้อในครอบครัว หรือติดเชื้อจำนวนมาก ขึ้นอยู่กับการป้องกันตนเอง สวมหน้ากากอนามัย และการล้างมือ เว้นระยะห่าง ส่วนมาตรที่ต้องปรับเพิ่มคือการเพิ่มระบบบัญชาการแก้ปัญหาสถานการณ์ต่างๆ ให้มีทั้งระบบเขต และจังหวัด โดยมีเจ้าหน้าที่สอบสวนโรคเพิ่มขึ้น จากเดิม 1,000 ทีม เป็น 3,000 ทีม ในเดือนธันวาคม และมีระบบการติดตามผู้ที่รับการกักตัว ในสถานที่กัก เพื่อง่ายแก่การติดตาม
ธค.มีลุ้นวัคซีนโควิดระยะสุดท้าย
มีความเห็นจากศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19ว่า วัคซีนโควิด-19 การศึกษาระยะสุดท้ายแบบสมบูรณ์ คงมีผลประกาศออกมาเดือนหน้า เชื่อว่าหลายตำรับของวัคซีน มีประสิทธิภาพสูง วัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคในอุดมคติ ต้องประกอบไปด้วย ให้เพียงครั้งเดียวป้องกันโรคได้ อาการข้างเคียงต่ำ เก็บได้ที่อุณหภูมิห้อง เป็นที่ยอมรับของประชาชน และต้นทุนการผลิตต่ำหรือราคาถูก
“วัคซีนโควิด-19 ที่ประกาศผลเบื้องต้นตำรับแรก เป็น mRNA วัคซีนของบริษัท “ไฟเซอร์ อิงค์” กับ “ไบโอเอ็นเทคฯ” ที่แถลงประสิทธิภาพสูงในการป้องกัน วัคซีนที่เป็น RNA จะถูกทำลายง่ายโดยธรรมชาติ การเก็บรักษาจึงต้องใช้อุณหภูมิเย็นจัดถึง -70 องศาเซลเซียส และเมื่อละลายมาที่ 2-8 องศาเซลเซียสแล้ว ต้องรีบใช้ใน 4-7 วัน”นพ.ยงกล่าว และว่า เช่นเดียวกับวัคซีนที่เป็นไวรัสเชื้อเป็น หรือไวรัสเวกตอร์ จำเป็นต้องเก็บแช่เย็นจัด ยกเว้นทำเป็นรูปผงแห้ง เช่น วัคซีนหัด ก็เก็บได้ที่ 4 องศาเซลเซียส แต่ถ้าเป็นวัคซีนโควิด-19 เชื้อตายอย่างที่จีนผลิต ก็สามารถเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสได้ ดังนั้น นอกจากดูประสิทธิภาพวัคซีนแล้ว ราคาและการเก็บรักษา การขนส่งให้ผู้รับบริการสำคัญไม่ด้อยไปกว่าประสิทธิภาพของวัคซีน ถ้าวัคซีนต้องเก็บที่ -70 องศาเซลเซียส ความสามารถและการเก็บของประเทศไทยเป็นไปได้น้อยมาก เพราะขณะนี้ที่ศูนย์ใช้ตู้เย็น -70 องศาเซลเซียส เก็บตัวอย่างราคาตู้เย็นยังเท่ากับรถยนต์ 1 คันทีเดียว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี