หนุ่มเมียนมาติดโควิดในไทย
ล็อกดาวน์‘ตาก’
คุมเข้มศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม
ตั้งด่านตรวจเข้มห้ามเข้า-ออก
กัก12ผู้สัมผัส-คนชุมชน99ราย
ศบค.เผยพบติดเชื้อโควิดใหม่ 11 ราย โดย 10 ราย มาจากต่างประเทศ ส่วนรายที่ 11 เป็นชายเมียนมา ถือว่าติดเชื้อในประเทศ“สธ.”แจงไทมไลน์พบเข้า-ออกศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ ด้านจ.ตาก สั่งล็อกดาวน์พื้นที่ในศูนย์อพยพฯ ส่งเจ้าหน้าที่เร่งสอบสวนโรค พร้อมกักผู้สัมผัสใกล้ชิด 12 คนตรวจแล็บเป็นลบ 9 รายรอผลอีก 3 ราย
พร้อมเก็บตัวอย่างคนระแวกบ้านส่งตรวจ 99 ผลออกแล้ว 49 คนเป็นลบ รอผล 50 ราย ด้านเจ้าหน้าที่ปกครองระดมกำลังเพิ่มตรวจคัดกรองบุคคลเข้า-ออกพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านอุ้มเปี้ยมเข้มงวด โดยเฉพาะช่องทางธรรมชาติ
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยประจำวันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 11 ราย เข้าพักในสถานที่กักตัวรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,913 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,761 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 92 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
ป่วย11ราย10คนกลับจากตปท.
สำหรับผู้ป่วยใหม่รายที่ 1 มาจากฝรั่งเศส เป็นหญิงสัญชาติไทย อายุ 56 ปี ตรวจครั้งแรก วันที่ 17 พฤศจิกายนพบเชื้อ มีอาการ และมีเสมหะ ผู้ป่วยใหม่รายที่ 2 มาจากเนเธอร์แลนด์ เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 51 ปี อาชีพแม่บ้าน ผลหาเชื้อครั้งแรกพบเชื้อ มีอาการและปวดศีรษะ เข้าพักในสถานที่กักกันของรัฐ กทม. รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถี ผู้ป่วยรายที่ 3 มาจากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 63 ปี อาชีพแม่บ้าน ตรวจครั้งแรกพบเชื้อ ไม่มีอาการ ผู้ป่วยใหม่รายที่ 4 และ 5 มาจากนอร์เวย์ โดยรายที่ 4 เป็นหญิง อายุ 77 ปี และรายที่ 5 เป็นชาย ทั้งคู่สัญชาตินอร์เวย์ อายุ 78 ปี ตรวจครั้งแรกพบเชื้อ ไม่มีอาการ
รายที่11เมียนมาติดเชื้อในปท.
ทั้งนี้ ผู้ป่วยใหม่รายที่ 6 มาจากสหราชอาณาจักร เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 20 ปี อาชีพรับจ้าง ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ ผู้ป่วยใหม่รายที่ 7 และรายที่ 8 มาจากฮังการี โดยรายที่ 7 เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 47 ปี อาชีพลูกจ้างร้านขนมปัง ส่วนรายที่ 8 เป็นหญิงสัญชาติไทย อายุ 45 ปี อาชีพพนักงานนวด ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ ผู้ป่วยรายที่ 9 มาจากสหรัฐอเมริกา เป็นชาย สัญชาติอเมริกัน อายุ 46 ปี อาชีพนักธุรกิจ ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
ขณะเดียวกันผู้ป่วยใหม่รายที่ 10 มาจากเมียนมา เป็นหญิง สัญชาติไทย อายุ 17 ปี อาชีพนักศึกษา ผลตรวจพบเชื้อ มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะ ส่วนรายที่ 11 มาจากเมียนมา เป็นชาย สัญชาติเมียนมา อายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ ตรวจครั้งแรกพบเชื้อ มีไข้
สธ.แจงไทม์ไลน์ติดเชื้อที่ตาก
ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กรณีมีรายงานตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่ชายแดน อ.พบพระ จ.ตากว่า กรมควบคุมโรค มอบหมายให้กองระบาดวิทยา ประสานข้อมูลใกล้ชิด และมอบสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก (สคร.2 จ.พิษณุโลก) ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดตาก ส่งทีมลงพื้นที่ทำงานร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตาก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบสวนโรคและตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมทันที
“จากรายงานเบื้องต้น กรณีแรกเป็นชายชาวเมียนมา อายุ 48 ปี เคยอาศัยในพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ จ.ตาก และออกจากศูนย์ได้ประมาณ 2 ปี ญาติให้ข้อมูลว่าผู้ป่วยไปทำงานที่ อ.วังเจ้า จ.ตาก และกลางเดือน่ตุลาคม ไปทำงานต่อที่อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร ประมาณสองสัปดาห์ จากนั้นผู้ป่วยเดินทางกลับไปอ.วังเจ้า แต่หลงทางในป่า 10 วัน เดินไม่ไหวพบคนที่มาจากพื้นที่พักพิงฯ จึงขอให้แจ้งญาติมารับกลับ และเดินทางถึงพื้นที่พักพิงฯวันที่ 4 พฤศจิกายน โดยไม่ได้ออกไปไหนเลย ต่อมาวันที่ 11 พฤศจิกายนเริ่มมีไข้ วันที่ 19 พฤศจิกายน อาการไม่ดีขึ้น จึงเข้ารักษาที่รพ.ในพื้นที่พักพิงฯ ซึ่งได้เก็บเชื้อส่งตรวจ ผลพบเชื้อ จึงส่งต่อไปรักษาที่รพ.แม่สอด”นพ.โอภาสกล่าว
กัก12ใกล้ชิด-คนในชุมชน99ราย
และว่า จากนั้นทีมสอบสวนค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้งหมด 12 ราย ผลตรวจโควิด ไม่พบเชื้อ 9 ราย รอผลอีก 3 ราย ขณะนี้ทุกรายนำไปพักอยู่ที่สถานที่กักกันโรค ส่วนผลตรวจในกลุ่มบ้านผู้ป่วย 99 ราย ผลไม่พบเชื้อ 49 ราย รอผลอีก 50 ราย
นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า กรณีที่สอง เป็นหญิงไทย อายุ 17 ปี เป็นนักเรียน ตามทะเบียนบ้านอยู่อ.ท่าสองยาง จ.ตาก เริ่มป่วยวันที่ 17 พฤศจิกายน มีไข้ เจ็บคอ เดินทางมาจากเมียนมาวันที่ 20 พฤศจิกายน เข้ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในอ.แม่สอด จ.ตาก ผลตรวจเบื้องต้นพบเป็นบวก จึงส่งต่อรักษาที่โรงพยาบาลแม่สอด โดยผลตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี RT-PCR ยืนยันพบเชื้อโควิด 19 และภาพถ่ายรังสีปอดพบรอยโรคของปอดอักเสบ ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ในการดูแลของแพทย์ใกล้ชิด โดยได้สอบสวนโรคและตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ เพื่อค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยในกรณีนี้ต่อไป
ตากล็อกดาวน์ศูนย์อพยพอุ้มเปี้ยม
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวในจ.ตาก หลังพบผู้ชายชาวเมียนมาติดเชื้อโควิด-19 เข้าไทยว่า วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ จ.ตาก ตรวจเข้มบุคคลเข้าออกพื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระ จัจ.ตาก พร้อมล็อกดาวน์พื้นที่ในศูนย์บ้านอุ้มเปี้ยม เพื่อสอบสวนโรค หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 1 ราย เป็นชาย อายุ 48 ปี อยู่อาศัยหมู่ที่ 4 โซน A ภายในพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าศูนย์อพยพ ตั้งอยู่กลางดอยสูงชัน ติดถนนสายแม่สอด-อุ้มผาง เขตอำเภอพบพระ
ตั้งด่านตรวจเข้มห้ามคนเข้าออก
สำหรับผู้ป่วยรายนี้เป็นบุคคลไม่มีทะเบียนอยู่ในพื้นที่ศูนย์พักพิง ลอบเข้าไปศูนย์บ้านอุ้มเปี้ยมผ่านช่องทางล่อแหลมป่ารกทึบ หลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจและมีชาวบ้านแจ้งข้อมูล เนื่องจากชายคนนี้มีไข้สูงผิดปกติ เจ้าหน้าที่จึงต้องรีบส่งตัวไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาล ผลการตรวจเบื้องต้นพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จากนั้นเจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลแม่สอด ซึ่งมีห้องรักษาสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 โดยเฉพาะ และมีทีมแพทย์ดูแลติดตามอาการใกล้ชิด
ทั้งนี้ หลังรับทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอพบพระส่งเจ้าหน้าที่กองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอพบพระ วางกำลังทุกช่องเข้าออกเพิ่มการตรวจบุคคลเข้าออกพื้นที่พักพิงชั่วคราว ผู้หนีภัยการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยมอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าออกพื้นที่เด็ดขาด และสั่งปิดพื้นที่ในโซนที่พบผู้ป่วย พร้อมระดมทีมสาธารณสุขและเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยม เร่งสอบสวนโรค นำตัวผู้ใกล้ชิดกับผู้ป่วย 12 คน ไปกักตัว ปัจจุบันพื้นที่พักพิงชั่วคราวผู้หนีภัยการสู้รบบ้านอุ้มเปี้ยมมีผู้หนีภัยจากการสู้รบอาศัยอยู่มากกว่า 10,000 คน
โควิดโลกทะยาน558.5ล้านคน
ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังน่าวิจก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น โดยไม่มีทีท่าจะลดลง โดยผู้ติดเชื้อรวม 58,580,151 ราย รักษาหายแล้ว 40,542,498 ราย รวมเสียชีวิต 1,387,955 ราย ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา ยังเป็นประเทศที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 หนักเป็นอันดับ 1 มีผู้ติดเชื้อสะสม 12,450,666 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 261,790 ราย อันดับ 2 อินเดีย ติดเชื้อสะสม 9,095,908 ราย เสียชีวิตสะสม 133,263 ราย อันดับ 3 บราซิล ติดเชื้อสะสม 6,052,786 ราย เสียชีวิตสะสม 169,016 ราย อันดับ 4 ฝรั่งเศส ติดเชื้อสะสม 2,127,051 ราย เสียชีวิตสะสม 48,518 ราย และอันดับ 5 รัสเซีย ติดเชื้อสะสม 2,089,329 ราย เสียชีวิตสะสม 36,179 ราย ไทยอยู่ในอันดับที่ 151
WHOชี้ยุโรปเสี่ยงระบาดเฟสสาม
ด้านนพ.เดวิด นาบาร์โร ผู้แทนพิเศษด้านการตอบสนองต่อวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก ( ดับเบิลยูเอชโอ ) ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในยุโรปว่า แม้สามารถควบคุมการระบาดระลอกแรก ช่วงต้นปีนี้ได้ แต่ต่อมาช่วงฤดูร้อนกลับเกิดความผิดพลาดในการวางรากฐานโครงสร้างที่จำเป็นแก่การควบคุมโรค ปัจจุบัน สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในทวีปยุโรป จัดว่าอยู่ในระลอกที่สอง แต่หากทุกประเทศในภูมิภาคยังจัดการกับสถานการณ์ระดับนี้ต่อไปไม่ได้ ทวีปยุโรปจะหลีกเลี่ยงเผชิญระบาดระลอกสาม ช่วงต้นปี 2564 ไม่พ้น
ฟันธงมาตรการคุมโรคไม่สมบูรณ์
นพ.นาบาร์ราโรยกตัวอย่างสถานการณ์โควิด-19 ในหลายประเทศเอเชีย ที่อัตราติดเชื้ออยู่ระดับต่ำ ว่าหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือความร่วมมืออย่างเคร่งครัดของประชาชน ซึ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน จนรับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กลายเป็นเรื่องยาก ที่น่าศึกษาและน่าสนใจด้วยว่า แทบทุกประเทศในทวีปเอเชียไม่ได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ก่อนถึงเวลาอันควร ผิดกับมาตรการควบคุมโรคในยุโรปที่ไม่สมบูรณ์.
เกาหลีใต้ถึงจุดวิกฤติระบาดรอบ3
สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีหรือเคดีซีเอ (KDCA) เปิดเผยว่า มีผู้ป่วยใหม่รายวันมากถึง 330 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับจากเดือนสิงหาคม ทางการเตือนว่า หากอัตราการติดเชื้อไม่ลดลง และเสี่ยงต่อพื้นที่ประชากรหนาแน่นอย่างกรุงโซลและปริมณฑล อาจต้องเพิ่มระดับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมให้เข้มงวดขึ้นไปอีก เจ้าหน้าที่ดีซีเอระบุด้วยว่า เกาหลีใต้กำลังมาถึงจุดวิกฤต และอาจเกิดการระบาดทั่วประเทศยิ่งกว่าการระบาดสองระลอกก่อนหน้านี้ หากไม่สามารถยับยั้งแนวโน้มขณะนี้ได้ โดยยอดผู้ป่วยโควิด-19 สะสมในเกาหลีใต้อยู่ที่ 30,733 คน เสียชีวิต 505 คน
นิวยอร์กแห่เข้าตรวจหาเชื้อ
ขณะที่ประชาชนในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐฯ พากันเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หลังหลายพื้นที่เริ่มเผชิญการระบาดระลอกใหม่ โรงเรียนหลายแห่งประกาศระงับการเรียนการสอนในห้องเรียน ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อรับมือโควิด-19 ระลอกใหม่ ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา หรือ CDC แนะนำให้ชาวอเมริกันงดเดินทางช่วงวันหยุดยาวเทศกาลขอบคุณพระเจ้าสัปดาห์นี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี