“วอชด็อก” เร่งล่ามือชำแหละ “น้องหมาลำโขง” สุดโฉดถลกหนังเตรียมเปิบพิสดาร สุนัขหนีโซซัดโซเซขอความช่วยเหลือ สาวใจบุญยื่นมือรับดูแลรักษา สุดท้ายทนพิษไม่ไหวตายสุดทรมาน
17 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีมีผู้ใจบุญออกมาโพสต์เฟซบุ๊กติดตามหาเจ้าของ “น้องหมา” รวมถึงวอนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดูแลช่วยเหลือน้องหมาพันทางสีดำ อายุ ประมาณ 3 ปี ถูกคนใจบาปทำร้ายด้วยการใช้มีดเชือด ถลกหนังจากแผ่นหลังต้นคอยาวถึงหาง แต่สุนัขยังไม่ตายวิ่งหลบหนีไปตามบ้านเรือน และในถนนหมู่บ้านเอื้ออาทร ชุมชนบ้านน้อยใต้ เขตเทศบาลเมืองนครพนม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งผู้ใช้เฟซบุ๊กได้นำภาพ “น้องหมา” ถูกทารุณกรรมเผยแพร่ทางโซเชียล พร้อมนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งในตัวเมืองนครพนม และได้ตั้งชื่อน้องหมาตัวนี้ว่า “ลำโขง” ซึ่งยังอยู่ในอาการสาหัส
ต่อมามีผู้ได้แสดงตนเป็นเจ้าของสุนัขชื่อ น.ส.วรรณิษา ศรีวรขันธุ์ อายุ 34 ปี อาชีพขายข้าวแกงอยู่ในตลาด มีบ้านอยู่ในหมู่บ้านเอื้ออาทร โดยปกติจะออกไปขายของแต่เช้า แล้วจะกลับอีกครั้งในเวลาเย็นหรือค่ำ ซึ่งมีน้องหมาอยู่ในความดูแลอยู่ 3 ตัว และมีอยู่ตัวหนึ่งที่ตาบอดทั้ง 2 ข้าง น้องหมาตัวที่ถูกทำร้ายเดิมชื่อ “ฟรอย” คาดว่าจะออกมาเดินเล่นในถนนหมู่บ้าน แล้วเจอกลุ่มคนที่นิยมบริโภคเนื้อสุนัขจับมาทำร้ายจนสลบ และคิดว่าน้องหมาตายแล้วจึงใช้มีดถลกหนังชำแหละ ปรากฏว่าสุนัขฟื้นแล้วเดินด้วยความเจ็บปวดออกมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวมาพบ จึงขอความช่วยเหลือไปทางสมาคมวีอาร์กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิพนครพนม นำส่งรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่ง โดยเจ้าของเฟซบุ๊กได้จ่ายค่ารักษาเบื้องต้นไปแล้วเป็นเงิน 1,000 บาท
จากนั้นวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เจ้าของเฟซบุ๊กทราบว่าชื่อ น.ส.นุจรินทร์ โสกเชือก ได้ขอเป็นผู้ดูแลรักษาน้องหมาที่ตั้งชื่อใหม่ว่า “ลำโขง” จากเจ้าของเดิม จึงได้พากันไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองนครพนม ไว้เป็นหลักฐาน แล้วได้ขอย้ายตัวน้องลำโขงไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์อีกแห่ง แต่อาการยังวิกฤตเพราะบาดแผลเริ่มมีปัญหา เกิดจากตัวน้องหมากัดแผลตัวเอง จนมีอาการอักเสบ หนองเริ่มกัดเนื้อ
กระทั่งวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 “น้องลำโขง” เริ่มมีอาการซึมไม่ยอมทานข้าวและน้ำ จนเวลาบ่ายก็เสียชีวิต ทางผู้รับดูแลจึงนำซากไปเผาที่เตาเผาสุนัขวัดธาตุฝุ่น ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม
ในวันเดียวกันนายนิทัศน์ ทองอร่าม เจ้าหน้าที่อาสาจากมูลนิธิ วอชด็อกไทยแลนด์ ประสานงานร่วมกับ นายสมชาย อนันตจารุตระกูล ปศุสัตว์จังหวัดนครพนม พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองนครพนม และประสานงานกับ พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม เพื่อสนับสนุนกำลังตำรวจ สายตรวจ 191 ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับนางพรทิพย์ เพชรลิตร อายุ 53 ปี ประธานชุมชนบ้านเอื้ออาทรนครพนม สอบถามข้อมูลจากผู้พบเห็นน้องหมาขณะโซซัดโซเซมาขอความช่วยเหลือ และเร่งติดตามหาคนผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินคน และเป็นการกระทำผิด ตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์
ทั้งนี้ เจ้าของน้องหมาดังกล่าว เชื่อว่ามีคนในหมู่บ้านทำร้าย อาจจะหวังเชือด ถลกหนังเปิบเมนูพิสดาร แต่น้องหมาไม่ตายอาจวิ่งหลบหนี จึงไม่กล้าไปติดตาม เพราะกลัวความผิด
ด้านนายกิตติพงษ์ พิลาบุตร อายุ 25 ปี อาสาสมัครสมาคมวีอาร์กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิพนครพนม ที่ช่วยเหลือน้องหมา เปิดเผยว่า หลังจากมีผู้พบเห็นน้องหมาบาดเจ็บถูกถลกหนัง ไปหลบตามบ้านเรือนชาวบ้านในหมู่บ้านเอื้ออาทร จึงมาช่วยเหลือส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์นครพนม โดยมีผู้ใจบุญจ่ายค่ารักษาให้ 1,000 บาท พบว่าน้องหมาพันทางสีดำอายุประมาณ 2 -3 ปี มีร่องรอยคล้ายของมีคม เชือดชำแหละถลกหนัง ตั้งแต่สันหลังต้นคอยาวถึงหาง แผ่ออกเห็นซี่โครงสุดอนาถน่าสงสารมาก
ส่วนนายนิทัศน์ ทองอร่าม เจ้าหน้าที่อาสาจากมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับทราบข้อมูลทางโซเชียล จึงลงพื้นที่ประสานทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ฯ และตำรวจในพื้นที่ พร้อมแจ้งความร้องทุกข์ฐานความผิดเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ เพราะเป็นการกระทำที่โหดร้ายมาก มีการถลกหนังหมา แต่ยังไม่ตาย และเชื่อว่าน้องหมาวิ่งหนีออกมาได้ โดยได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และสอบถามพยานที่พบเห็นเหตุการณ์ ยืนยันว่าเป็นน้องหมาในหมู่บ้าน และพบแล้วว่าเจ้าของเป็นใคร แต่ยังไม่อยู่บ้าน ซึ่งจะได้มอบหมายให้ตำรวจเชิญตัวไปสอบสวน และติดตามหาผู้กระทำผิด เชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มนักเปิบเมนูหมา แต่พลาดน้องหมาวิ่งหนีออกมาได้ ซึ่งจะต้องมีการประสานตำรวจเร่งสอบสวนสืบสวนหาคนผิดมาดำเนินคดี เพราะเข้าข่ายฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์
ขณะที่สัตวแพทย์หญิง(สพ.ญ).เมทวี ม่อมพะเนาว์ คลินิกนครพนมรักษาสัตว์ ผู้รับรักษาน้องหมาคนแรก ได้เปิดเผยว่า”ในวันแรกที่มีคนเจอ ก็มีคนติดต่อมา ส่งรูปมาให้หมอดู ถามว่าคุณหมอรับเคสนี้ไหม เพราะคนที่เจอก็ไม่ใช่เจ้าของ จากนั้นหมอก็เลยดูรูปก็สภาพอย่างที่เห็นในข่าวก็คือค่อนข้างหนักมาก จากนั้นก็เลยแจ้งกลับไปว่า โอเคเดี๋ยวหมอรับเคสนี้ให้เอามาได้เลย และก็ได้ถามถึงเรื่องค่าใช้จ่าย หมอก็เลยบอกไปว่าเคสนี้หมอช่วยทำบุญแล้วกันในส่วนของเรื่องค่าใช้จ่ายหมอคิดแค่ 1,000 บาท ส่วนที่เหลือหมอจะเป็นคนดูแลจนกว่าน้องจะหาย จากนั้นทางด้านวีอาร์กู้ภัยนครพนมก็ได้นำน้องฟรอยหรือน้องลำโขงมาส่งที่คลินิก หมอก็ทำการรักษาตามปกติก็คือได้ทำการเย็บแผลให้น้อง
เบื้องต้นจากลักษณะแผลเหมือนโดนมีดกรีดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงรูทวาร และมีการแล่หนังออกจากเนื้ออีกที หมอจึงล้างแผลแล้วก็เย็บแผลให้ ส่วนร่องรอยอื่นๆก็จะมีอาการบวมที่หัวตาด้านขวาและมีรอยช้ำตามตัวเหมือนโดนกระแทก ซึ่งก็ต้องเป็นเคสที่จำเป็นจะต้องดูแลอย่างต่อ เนื่องจากว่าแผลค่อนข้างใหญ่และมีอาการติดเชื้อเนื่องจากโดนสิ่งสกปรกเยอะ ด้วยหลังจากเย็บแผลแล้วน้องก็ยังกินอาหารได้ปกติ และเมื่อเจอเจ้าของก็มีความดีใจสามารถกระดิกหางได้ ซึ่งตอนแรกสุนัขตัวนี้ยังไม่มีเจ้าของ ทางวีอาร์กู้ภัยก็เลยแจ้งกับหมอว่าหากรักษาเสร็จแล้วทางกู้ภัยขอรับเลี้ยงน้องเอง แต่เมื่อมีเจ้าของมาแสดงตัวแล้ว เมื่อรักษาหายก็จะต้องคืนเจ้าของไป”
ด้านพระสุรชัย ฐานิโย หรือหลวงตาต้อม อายุ 60 ปี พระลูกวัดธาตุฝุ่น เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าเมื่อเย็นของวันที่ 16 กุมภาพันธ์ มีคนนำซากสุนัขมาให้ทางวัดเผา ขณะไฟลุกพวกเขาก็ยืนดูกันอยู่นาน ก่อนจะพากันกลับไป แต่ไม่ได้บอกอะไรว่าต้องการกระดูกไหม ตอนนี้ก็เลยต้องเก็บกระดูกของหมาตัวนี้ไว้ก่อน ส่วนสาเหตุการตายทางวัดไม่ได้สอบถาม ดำเนินการตามที่โยมร้องขอสวดมาติกาบังสุกุลแล้วจุดไฟเผา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี