กองทัพยันลงโทษแล้ว
‘ร.ท.’หลอกฉีดวัคซีน
ทหารไทยที่เซาท์ซูดาน
เอาผิดทั้งวินัยและอาญา
กองทัพไทย ยันลงโทษ ร.ท.แพทย์ทหารหลอกฉีดวัคซีนกำลังพลในเซาท์ซูดาน ชี้ดำเนินการทั้งวินัยและอาญา ระบุเป็นความผิดส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกองทัพยอมรับ ร.ท.นายนี้ ไม่ได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือก
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม พล.ท.เชาวลิตร สังฆฤทธิ์ โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย พล.ต.ณัฐพล แสงจันทร์ ผอ.ศูนย์สันติภาพ กรมยุทธการทหาร แถลงข่าวกรณีกำลังพลร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน (UNMISS) ประพฤติผิดวินัยร้ายแรงหลอกลวงฉ้อโกงเงินกำลังพลเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย พล.ท.เชาวลิตร กล่าวว่า จากที่มีการนำเสนอข่าวนายทหารที่ไปปฏิบัติภารกิจที่เซาท์ซูดานถูกสอบสวนกรณีหลอกลวงฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศแอฟริกา ทางกองบัญชาการกองทัพไทย ขอเรียนว่าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2563 ซึ่งนายทหารสัญญาบัตรยศ ร.ท.ตำแหน่งนายแพทย์ รพ.สนามระดับ 1 กองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย/เซาท์ซูดาน และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน พร้อมกับรายงานผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ทราบ พร้อมทั้งให้กำลังพลดังกล่าวจบภารกิจและส่งตัวกลับประเทศไทย เมื่อเดือนมีนาคม 2563
พล.ท.เชาวลิตร กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกองทัพไทยและประเทศไทยในภารกิจร่วมสหประชาชาติ ซึ่งกองทัพไทยดำเนินการอย่างทันท่วงที ไม่ปกป้องผู้กระทำผิด โดยกองทัพบก มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงและพิจารณามาตรฐานทางจริยธรรมควบคู่กันไป
สำหรับผลการสอบสวนสรุปว่านายทหารดังกล่าวกระทำผิดจริง มีพฤติกรรมหลอกลวงผู้บังคับบัญชาและกำลังพล ให้ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่โดยแอบอ้างว่าเป็นคำสั่งของนายแพทย์ประจำภารกิจ แต่กลับนำสารอื่นเข้าสู่ร่างกายกำลังพลแทน พร้อมทั้งได้เรียกเก็บเงินเป็นค่าวัคซีนด้วย แสดงถึงเจตนาทุจริตหลอกลวง เข้าข่ายฉ้อโกงและประพฤติผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ ในระหว่างการสอบสวนนายทหารคนดังกล่าวไม่มาปฏิบัติราชการ และไม่สามารถติดต่อได้ หน่วยต้นสังกัดจึงดำเนินการในความผิดฐานหนีราชการในเวลาประจำการ และเสนอปลดออกจากราชการ พร้อมกันนี้ศาลทหารกรุงเทพ ได้ออกหมายจับ ในข้อหาหนีราชการดังกล่าวเรียบร้อยแล้วนอกจากนั้นได้มีหนังสือถึงแพทยสภาให้พิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ระหว่างนี้แพทยสภาจะให้โอกาสนายแพทย์คนดังกล่าวมาชี้แจงหลังจากเรียกมาให้ข้อมูลแล้ว หากไม่มาก็จะถอนใบประกอบวิชาชีพ
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอเรียนว่าเป็นการกระทำผิดส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ผิดวินัยทหารและกฎหมาย รวมทั้งสร้างความเสื่อมเสียร้ายแรงต่อชื่อเสียงของกองทัพและประเทศชาติ กองทัพไทยได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้ดำเนินการเรื่องจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเวชกรรมทั้งนี้เพื่อป้องกันผลกระทบ และสร้างความเข้าใจต่อสาธารณชนทั่วไป” โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย กล่าว
พล.ท.เชาวลิตร กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการจัดกองกำลังไปปฏิบัติงานในนามสหประชาชาติไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ผ่านมาเรามีกระบวนการคัดเลือกบุคลากร ศึกษาถึงภูมิหลัง สอบถามผู้บังคับบัญชา แต่กรณีนายแพทย์คนดังกล่าวไม่ได้ผ่านขั้นตอนการคัดเลือกเนื่องจากไปแทนนายแพทย์คนเดิม จึงเป็นเรื่องกะทันหันไม่ได้มีการพิจารณาตามขั้นตอนต่างๆ
ส่วนการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ นายแพทย์คนดังกล่าวยอมรับกับ ผบ.ร้อยทหารช่างฯ ว่ากระทำคนเดียวไม่มีใครเกี่ยวข้องโดยจัดซื้อวัคซีนจากประเทศอินเดีย ซึ่งทางยูเอ็นนำไปตรวจสอบพบว่าเป็นวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักไม่ใช่ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์แอฟริกา ส่วนกำลังพลที่เสียหายไม่ติดใจอะไรเนื่องจากจำนวนเงินที่เสียหายต่อคนประมาณแค่ 500 บาทรวมกำลังพลกว่า 200 นายรวมแล้วประมาณ 1.7 แสนบาท ซึ่งไม่ได้เป็นจำนวนเงินมากมายแต่สิ่งที่เราตระหนักคือเรื่องของคุณธรรมจริยธรรม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี