“ผบช.สตม.” นำแถลง “สืบ ตม.3” นำรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการอัจฉริยะ จับหนุ่มเกาหลีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หนีซุกไทย แฉตุ๋นเหยื่อกว่า 360 ล้านวอน หรือ 9 ล้านบาท
30 มีนาคม 2564 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.ทรงโปรด สิริสุขะ , พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ , พ.ต.อ.รัชธพงศ์ เตี้ยสุด , พ.ต.อ.หฤษฎ์ เอกอุรุ รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.ยศเอก รักษาสุวรรณ รอง ผบก.ตม.1 และว่าที่ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.บก.ตม.3 ร่วมแถลงผลการจับกุมรถยนต์ไฟฟ้าตรวจการอัจฉริยะจับหนุ่มเกาหลีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หนีซุกไทย
สืบเนื่องจากสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย ได้มีหนังสือมายังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อขอความร่วมมือติดตามคนร้ายซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติประเทศเกาหลีใต้ โดยคนร้ายรายนี้ยังเป็นบุคคลตามหมายแดงของตำรวจสากล (INTERPOL RED NOTICE) พฤติกรรมคนร้ายรายนี้เป็นบุคคลที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 360 ล้านวอน หรือประมาณ 9 ล้านบาท และได้ถูกยกเลิกหนังสือเดินทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กก.สส.บก.ตม.3 ได้ทำการสืบสวนโดยเบื้องต้นตรวจสอบข้อมูลในระบบ BIOMETRICS พบว่าคนร้ายเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรทางเครื่องบินเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563 ต่อมาเมื่อประมาณเดือนธันวาคม 2563 สืบหาข่าวทราบว่าพักอาศัยอยู่ละแวกเมืองพัทยาจังหวัดชลบุรี จึงได้เข้าเฝ้าติดตามสืบสวนอย่างต่อเนื่อง จนพบว่าได้ย้ายหลบหนีมาพักอาศัยอยู่คอนโดมิเนียมย่านอ่อนนุช กรุงเทพฯ ซึ่งต่อมาชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.3 ได้นำรถไฟฟ้าตรวจการอัจฉริยะออกปฏิบัติการเข้าไปตรวจสอบสถานที่ดังกล่าวพบตัวคนร้ายรายนี้
จากการตรวจสอบกับฐานข้อมูลของ สตม. พบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายแดงตำรวจสากล (INTERPOL RED NOTICE) และยังพบว่าอยู่เกินในราชอาณาจักรมาแล้วจำนวน 287 วัน จึงได้จับกุมตัวโดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือโอเวอร์สเตย์ 287 วัน และนำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี