27 เม.ย. 2564 ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงโครงการ SPACE-F ซึ่งเป็นความร่วมมือพัฒนานวัตกรรมอาหารแห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่มีเป้าหมายมุ่งสู่ระดับโลก ว่า มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีความร่วมมือกับ สถาบันนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่ปี 2562 โดยในช่วงแรกมีคณะวิทยาศาสตร์เป็นคณะทำงานหลักก่อนที่ต่อมาจะขยายผลสู่ระดับมหาวิทยาลัย
โดย สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้ามามีบทบาทหลักในการบริหารจัดการ เนื่องจากโครงการ SPACE-F ได้ขยายเป้าหมายจากการมุ่งสู่การเป็นครัวโลก หรือ "Kitchen of the World" สู่การเป็น "Silicon Valley Food Tech" เพื่อบ่มเพาะนวัตกรอาหารโลก ซึ่งในปีที่ 2 ของโครงการฯ มีภาคเอกชนให้ความสนใจเพิ่มขึ้น คือ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็น Corporate Partner และในส่วนของ Supporting Partners ได้แก่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ ไชยยศ จำกัด
“ด้วยความพร้อมด้านบุคลากรและองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมอาหาร เชื่อมั่นว่ามหาวิทยาลัยมหิดลจะสามารถต่อยอดสู่การผลักดันให้ประเทศไทยเป็นที่พึ่งของชาวโลกด้านการผลิตอาหารคุณภาพจากนวัตกรรมอาหาร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ บนพื้นฐานความเชี่ยวชาญทางวิชาการในสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของมหาวิทยาลัยมหิดล” ศ.นพ.บรรจง กล่าว
รศ.ดร.กัณยารัตน์ สุไพบูลย์วัฒน อาจารย์ภาควิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ว่า คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีประสบการณ์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่การเป็นทรัพย์สินทางปัญญา จากที่ผ่านมาได้มีการจัดตั้ง Venture Club เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษา อาจารย์ และนักวิจัยได้พัฒนาผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังมีจุดแข็งด้านงานวิจัย deep tech ซึ่งสามารถผลักดันสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ส่งผลกระทบในระดับชาติและนานาชาติได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนวัตกรรมอาหาร
“เป็นที่น่ายินดีที่ในปีนี้ที่นอกจาก สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล (iNT) ได้เข้ามามีบทบาทหลักในการบริหารจัดการแลัว ยังได้ทัพเสริมจาก วิทยาลัยนานาชาติ มาร่วมกับ คณะวิทยาศาสตร์ ในการผลักดันโครงการ SPACE-F ในนามมหาวิทยาลัยมหิดล ให้คงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งในการนำองค์ความรู้มาสร้างสรรค์เพื่อตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ และเพื่อประโยชน์แห่งมวลมนุษยชาติ” รศ.ดร.กัณยารัตน์ กล่าว
ศ.ดร.นพ.ภัทรชัย กีรติสิน ผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดด้านการบ่มเพาะสู่การเป็นสตาร์ทอัพ เพื่อผลักดันนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ของโครงการ SPACE-F ร่วมกับ สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล เชื่อมั่นได้ว่าจะสามารถผลักดันให้โครงการ SPACE-F พัฒนานวัตกรรมอาหารสู่ระดับโลกเพื่อประโยชน์แห่งมวลมนุษยชาติ
โดยที่ผ่านมา สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดลได้มีบทบาทในการปั้นงานวิจัยและผลงานนวัตกรรมด้านอาหาร ตั้งแต่การบ่มเพาะในระยะเริ่มต้น สู่การพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์ และมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรให้ตอบโจทย์กลุ่มสตาร์ทอัพต่อไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งในอาหารแต่ละอย่างมีองค์ประกอบมากมาย วัตถุดิบหนึ่งอย่าง (ingredient) สามารถนำไปเป็นส่วนประกอบของอาหารได้อีกหลายอย่าง
แต่จะทำอย่างไรให้วัตถุดิบแต่ละอย่างสามารถประกอบกันเป็นอาหารคุณภาพ มีรสเลิศ และมากด้วยคุณค่าทางอาหาร ในทรัพยากรที่มีความจำกัดมากขึ้น หรือในบริบทที่แตกต่างกันไป ด้วยบทบาทของการเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์องค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยมหิดล จะสามารถทำให้งานวิจัยด้านอาหารจากในห้องปฏิบัติการได้รับการต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ให้เกิดคุณค่าและคุ้มค่าได้ต่อไป
นอกจากนี้ ในการสร้างสรรค์สตาร์ทอัพนั้นต้องเตรียมความพร้อมในหลายด้าน ซึ่งนวัตกรที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการต่างมีผลิตภัณฑ์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว บทบาทของโครงการ SPACE-F คือ วางหลักสูตรบ่มเพาะสู่การเป็นผู้ประกอบการโดยปรับตามผู้เรียน หรือ "One-On-One Coaching" เพื่อเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปของนวัตกรโครงการ SPACE-F ในแต่ละราย ด้วยการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ เครื่องมือ ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
“สตาร์ทอัพเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่เหมือน SME ที่จะโตไปอย่างช้าๆ ดังนั้นนวัตกรรมอาหารในโครงการ SPACE-F จึงต้องมีการวางแผนทางการตลาดที่กว้างกว่าในระดับประเทศ แต่จะต้องไปถึงในระดับนานาชาติ จึงเป็นความท้าทายที่ สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล มีความภาคภูมิใจในฐานะที่ได้เป็นกำลังสำคัญในการร่วมผลักดันให้โครงการ SPACE-F ได้มีบทบาทในการกระตุ้นสตาร์ทอัพสู่ระดับโลกเพื่อการสร้างสรรค์อาหารคุณภาพสู่มวลมนุษยชาติต่อไป” ศ.ดร.นพ.ภัทรชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี