จบแล้วศึกหมอ! เปิดคำพิพากษายกฟ้อง!ปลัดสธ.พร้อมพวก7คน ปมสั่งย้าย‘นพ.ชาญชัย’ผอ.รพ.ขอนแก่น 

กรณีที่นายแพทย์นายชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ถูกร้องเรียนโดยมีบัตรสนเท่ห์ กล่าวหาว่า สั่งให้มีการเรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้าร้อยละ 5 โดยที่ สำนักงาน ป.ป.ช.และกระทรวงสาธารณสุขมีคำสั่งยกเลิกการรับเงินไปแล้ว  ซึ่งนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง โดยผลการสอบเบื้องต้น มีมูลที่กล่าวหาว่า นายแพทย์ชาญชัย เรียกรับเงินจากบริษัทยาและร้านค้า

ต่อมานายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปฏิบัติราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และนายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ได้มีคำสั่งย้ายนายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ที่กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัดประทรวงสาธารณสุข โดยอ้างว่า การตรวจสอบเบื้องต้นมีมูลที่ควรกล่าวหา และศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงสาธารณสุขเห็นว่า มีพฤติกรรมการข่มขู่จูงใจให้เกิดพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ จึงเห็นควรย้ายนายแพทย์ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ออกจากโรงพยาบาลขอนแก่นเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่เป็นอุปสรรค

ขณะเดียวกัน นพ.สุขุม ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกก.สอบข้อเท็จจริง ตามคำสั่งกระทรวงสธ.ที่1161/2562  ลงวันที่ 24 ต.ค..62  ผลสอบมีมูล นพ.ยงยศ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกก.สอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงและมีคำสั่งย้ายโจทก์ไปรับราชการที่อื่น และให้นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ์ ไปรักษาการในตำแหน่ง ผอ.รพ.ขอนแก่นแทนโจทก์ นั้น

ทั้งนี้ ในคำพิพากษา เรื่อง “ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ(ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) สืบเนื่องจากสิงหาคม 2563 นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล โจทก์ ผอ.รพ.ขอนแก่น ได้ยื่นฟ้อง นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ที่ 1 ปลัดสธ. นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ ที่ 2 รองปลัด สธ. นพ.อภิชาติ รอดสม ที่ 3 นายเสมอ กาฬภักดี ที่ 4 นายสุจินต์ สิริอภัย ที่ 5 นส.สุชาฎา วรินทร์เวช ที่ 6 นายวินัย คณาศรี ที่7 จำเลย เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท.112/2563 ฐาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบ ภาค 4 จากกรณีที่ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากบริษัทและร้านค้า ทั้งๆที่สำนักงาน ปปช.และกระทรวงสธ.สั่งให้ยกเลิกการรับเงินไปแล้ว

อย่างไรก็ตามเมื่อช่วง 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีนี้แล้ว โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่จำเลยที่ 1 แต่งตั้งคณะกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เมื่อผลการสอบมีมูล เนื่องจากรพ.ขอนแก่นยังมีการรับเงินจากบริษัท ร้านค้า ผู้ขายยา ต่อไปอีก พยานบุคคล และพยานเอกสารที่ได้จากการตรวจสอบของจำเลยที่ 3-7 เพียงพอแก่การวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้ว การปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 3-7 จึงชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย

และเมื่อผอ.กลุ่มเสริมสร้างวินัยและระบบคุณธรรมได้เสนอการแต่งตั้งคณะกก.สอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรงแก่โจทก์ และจำเลยที่ 2 ลงนามในคำสั่งดังกล่าว จึงชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาจำเลยที่ 1 ออกคำสั่งให้โจทก์ไปปฏิบัติราชการที่อื่น เนื่องจากเจ้าหน้าที่รพ.ขอนแก่นชุมนุมคัดค้านการแต่งตั้งคณะกก.สอบสวนทางวินัยร้ายแรงแก่โจทก์ แต่โจทก์ในฐานะผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ระงับยับยั้งแต่ไม่ดำเนินการ การชุมนุมปรากฏในสื่อมวลขนเป็นการกล่าวร้ายและใส่ร้ายผู้บังคับบัญชา เป็นพฤติกรรมหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฎหมาย มีภาพโจทก์กล่าวปราศรัยต่อผู้ชุมนุมด้วย พฤติกรรมของโจทก์จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่ในการปฏิบัติตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

หากให้โจทก์อยู่ปฏิบัติราชการในฐานะผอ.รพ.ขอนแก่นยิ่งเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งในหมู่ข้าราชการ และความเข้าใจผิดของประชาชนมากขึ้น  และเพื่อให้การดำเนินการสอบสวนทางวินัยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เมื่อปรากฏว่า ยังมีการรับเงินบริจาคบริษัทร้านค้าที่ขายยาอยู่อีกในขณะโจทก์ดำรงตำแหน่งผอ.รพ.ขอนแก่นย่อมไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบในฐานะผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน หากโจทก์ยังคงปฏิบัติราชการในตำแหน่งดังกล่าวย่อมไม่เหมาะสม เนื่องจากพยานหลักฐานต่างๆอยู่ในโรงพยาบาล อาจส่งผลเป็นการจูงใจ หรือข่มขู่ต่อพยานในการสอบสวนทางวินัย จึงเป็นเหตุอันสมควรที่จำเลยที่1จะมีคำสั่งย้ายโจทก์เพี่อให้การสอบสวนเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

นอกจากนี้ การให้นายเกรียงศักดิ์ ไปรักษาการในตำแหน่งโจทก์ ถือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบ จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง กรณีจำเลยทั้ง 7 ไม่มีมูลทางอาญาแต่อย่างใด

ในที่สุดศาลจึงพิจารณาพิพากษายกฟ้อง ปลัดสธ.พร้อมพวก7คนใช้ดุลพินิจโดยชอบ จึงไม่เป็นความผิด

เปิดรายละเอียดคำพิพากษายกฟ้อง!ปลัดสธ.พร้อมพวก7คน