“ผู้ว่าฯกาญจนบุรี” นั่งหัวโต๊ะถกปัญหา “พม่า” ทะลักชายแดนหวั่นนำพาโควิด-19 แพร่ระบาด เบื้องต้นคลอด 2 แนวทาง จับได้ห่างจากชายแดนไม่เกิน 10 กม.ส่งกลับทันที-จับได้ในพื้นที่ชั้นในดำเนินคดีเด็ดขาด
30 เมษายน 2564 ความคืบหน้ากรณีชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักร ตามแนวชายแดนจังหวัดกาญจนบุรี มีเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยระหว่างวันที่ 26-29 เมษายน ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้มากถึง 191 คน โดยแรงงานได้ใช้เส้นทางตามธรรมชาติชายป่าและหุบเขาเดินเท้าเข้ามาเพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ โดย 4 วันที่ผ่านมานั้น แรงงานถูกจับกุมได้ในท้องที่หมู่ 8 ต.ศรมงคล อ.ไทรโยค และเขาสันแดนท้องที่หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ทั้งหมดเดินทางมาจากจังหวัดทวาย ประเทศเมียนมา จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี (ผวจ.กาญจนบุรี) มีความเป็นห่วงเป็นอย่างมากว่า แรงงานเหล่านี้อาจจะนำพาเชื้อไวรัสโควิด-19 เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและประเทศไทย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตะครุบ 72 เมียนมาลอบเข้าไทย เปิดเส้นทาง‘สุดทรหด’/ลือหมู่บ้านฝั่งพม่าแทบร้าง)
ล่าสุดนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี จึงมีหนังสือศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จังหวัดกาญจนบุรี ด่วนที่สุด ที่ กจ.0018.3/ว7528 เพื่อประชุมคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้านเมียนมา จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีการนัดประชุมกันที่หอประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี ในเวลา 10.00 น.ของวันที่ 30 เมษายน 2564
ต่อมาที่ห้องประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอไทรโยค นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี เป็นประธานการประชุมตามข้อมูลข้างต้น โดยมีคณะกรรมการศูนย์สั่งการฯ ประกอบด้วย ร้อยตรี พงศธร ศิริสาคร รอง ผวจ.กาญจนบุรี , นายแพทย์นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี , พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี , พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ (กกล.สุรสีห์) , พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) , พ.ต.อ.จักษ์ ยังให้ผล ผกก.ตม.จว.กาญจนบุรี , นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นายก อบจ.กาญจนบุรี , พ.อ.บรรเจิด จันทร์ส่งเสริม รอง ผอ.รมน.กาญจนบุรี , นายรณภพ เวียงสิมมา ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี , นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งนายอำเภอที่แนวเขตติดชายแดนไทย-เมียนมา 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมืองกาญจนบุรี อ.ด่านมะขามเตี้ย อ.ไทรโยค อ.ทองผาภูมิ และ อ.สังขละบุรี เข้าร่วมประชุม
ในการการประชุมอนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพบรรยากาศได้ แต่ไม่ให้เข้าร่วมรับฟังด้วยเนื่องจากเป็นการประชุมหารือการภายใน และจะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในภายหลัง โดยการประชุมครั้งนี้ใช้เวลา 2 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลัง ว่า วันนี้เป็นการประชุมคณะกรรมการศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา เนื่องจากปัจจุบันมีการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมาเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นจำนวนมาก อย่างต่อเนื่องและครั้งหลายสิบราย หากเป็นเช่นนี้มันอาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเรา รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของจังหวัดกาญจนบุรีด้วย
ทั้งนี้ การประชุมได้มีการพูดคุยรวมทั้งมีการซักซ้อมการปฏิบัติ ไล่มาตั้งแต่ฝ่ายของทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุข เพื่อให้เป็นแนวทางการบูรณาการการทำงานร่วมกันได้อย่างชัดเจน ว่ามีกรณีไหนบ้างที่จะต้องมีการส่งแรงงานที่ถูกจับกุมตัวได้ แล้วสามารถผลักดันกลับประเทศได้ในทันที และในกรณีไหนบ้างที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ผวจ.กาญจนบุรี ระบุว่า เราจะยึดหลักปฏิบัติตามแนวทางที่ สมช.หรือสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการไว้ก็คือ หากมีการจับแรงงานต่างด้าวได้ในระยะทาง 10 กิโลเมตรจากชายแดน ทางทหารหรือผู้จับกุมหรือฝ่ายปกครอง ก็จะนำตัวส่งศูนย์ส่งกลับ ซึ่งอำเภอต่างๆจะได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวเอาไว้เพื่อที่จะส่งผู้ถูกจับกุมกลับประเทศ แต่ในส่วนของแรงงานที่หลบหนีเข้ามาในพื้นที่ส่วนในและสามารถจับกุมผู้นำพาได้ ในส่วนนี้เราจะดำเนินคดีตามกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองต่อไป การประชุมในวันนี้ขอเรียนว่าเป็นการพูดคุยถึงแนวทางปฏิบัติและแนวทางการประสานงาน สำหรับผู้หลบหนีเข้าเมืองที่จับกุมได้เราก็จะดำเนินการตามกรณีข้างต้นต่อไป
สำหรับสถานที่กักกันในส่วนของผู้ที่หลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายนั้น จะเป็นการกักกันในกรณีของการดำเนินการตามกฎหมายของตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งเมื่อมีการจับกุมตัวผู้หลบหนีเข้ามาได้แล้ว ทางกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้มีนโยบายสร้างสถานที่กักกันเพื่อดำเนินการสอบสวนคัดกรองด้วยการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากผู้ที่หลบหนีเข้ามาว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ด้วยหรือไม่ก่อนที่จะดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย สำหรับศูนย์กักกันจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“เรื่องนี้ก็ขอเรียนว่าปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในบ้านเมืองเรานั้นไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ดังนั้นทุกคนจะต้องมีจิตสำนึกร่วมกันในการที่จะช่วยกันดูแล การกระทำใดๆที่เป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ในบ้านเมืองในขณะนี้ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ คงจะต้องค้นหาเพื่อดำเนินตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด” ผวจ.กาญจนบุรี กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า กรณีที่มีการจับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายได้เป็นจำนวนมาก ก็จะคุมขังเอาไว้ที่ สภ.นั้นได้ได้ไม่เกิน 30 คน เพราะว่าห้องคุมขังตาม สภ.ต่างๆมีแค่ 3 ห้อง หากจับกุมแรงงานได้มากกว่า 30 คน ก็จะกระจายนำไปคุมขังเอาไว้ ตาม สภ.ที่อยู่ใกล้เคียง โดยเริ่มกระจายไปตาม สภ.ต่างๆมาตั้งแต่เดือนมีนาคมแล้ว แต่ทางตำรวจก็ได้มีการประสารกับทางท่านผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี และสาธารณสุขจังหวัด หากผ่านกระบวนการตรวจหาเชื้อได้เร็ว ก็จะสามารถผลักดันแรงงานเหล่านั้นกลับประเทศต้นทางได้เร็วขึ้น
ส่วน พ.ต.อ.จักษ์ ยังให้ผล ผกก.ตม.กาญจนบุรี กล่าวว่า ข้อมูล ณ วันที่ 30 เมษายน 2564 สำนักงานตรวจค้นเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดกาญจนบุรี ได้นำแรงงานที่ลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายที่จับกุมตัวไปไปฝากกักเอาไว้ตาม สภ.ต่างๆ จำนวน 3 สภ.รวม 35 คน เป็นชาย 24 คน หญิง 11 คน ประกอบด้วย สภ.ท่าม่วง จำนวน 15 คน เป็นชาย 11 คน หญิง 4 คน สภ.ท่าเรือ อ.ท่ามะกา จำนวน 10 คน เป็นหญิงทั้งหมด และ สภ.สำรอง อ.ท่าม่วง จำนวน 10 คน เป็นชายทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี