เตือนภัย‘ยาเสียสาว’ระบาด พ่อโพสต์เกือบเสียลูกสาวหลังผสมน้ำอัดลมดื่ม
8 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งโพสต์ภาพและข้อความว่า “เตือนภัยวัยรุ่นเกือบเสียลูกสาวไปก็เพราะยานี้ พ่อพูดไม่ออกได้แต่น้ำตาตกใน ดีที่มารพ.ทัน ยานี้กำลังระบาดในหมู่วัยรุ่น” ซึ่งภายหลังจากมีการโพสต์ภาพและข้อความออกไปมีผู้คนต่างสงสัยว่าลูกสาวผู้โพสต์เกือบเสียชีวิตด้วยสาเหตุใด และยาที่กำลังระบาดในกลุ่มวัยรุ่นคือยาอะไร ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าสอบถามนายเอ (นามสมมุติ) 36 ปี ชาว ต.กุดสิมคุ้มเก่า อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นผู้โพสต์ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นายเอ กล่าวว่า เมื่อประมาณช่วงบ่ายวันที่ 5 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา ลูกสาวของตนวัย 14 ปี กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.2 ได้ชวนเพื่อนประมาณ 3-4 คน มาเรียนออนไลน์ด้วยกันที่บริเวณบ้านพัก ส่วนตนกับภรรยาไม่ได้อยู่บ้านพักด้วย เพราะต้องออกไปทำงาน กระทั่งช่วงเย็นก็ต่างพากันแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากนั้นเวลาประมาณ 18.00 น.ลูกสาวของตนก็อาการผิดปกติคล้ายเหม่อลอย และอยู่ดีๆก็มีอาการช็อคและล้มทั้งยืน ก่อนจะชักเกร็งและตัวเขียวเป็นเวลาประมาณ 1 นาที ซึ่งพอตั้งสติได้ตนกับภรรยาจึงรีบนำตัวลูกสาวไปส่งโรงพยาบาล และพอไปถึงแพทย์ก็รีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินใส่เครื่องช่วยหายใจช่วยรักษาชีวิตจนพ้นขีดอันตรายได้
นายเอ กล่าวต่อว่า จากนั้นแพทย์สอบถามตนกับภรรยาว่าลูกสาวได้รับประทานอะไรแปลกๆมาหรือไม่ ซึ่งตอนแรกได้ตอบไปว่าไม่ทราบ จากนั้นได้สอบถามเพื่อนที่มาเรียนออนไลน์ด้วยกันจึงทราบว่า ระหว่างที่ลูกสาวของตน และเพื่อนๆกำลังพากันเรียนออนไลน์อยู่ได้ออกเงินกันไปซื้อน้ำอัดลมมาดื่ม และก่อนจะออกเงินกันอีก โดยเพื่อนในกลุ่มได้สั่งซื้อยา ทราบทีหลังว่าเป็นยาทรามาดอล หรือยาเขียวเหลือง ซึ่งเป็นยาแก้ปวดชนิดรุนแรงมาผสมกับน้ำอัดลมแล้วดื่มได้กินกัน โดยแต่ละคนละคนกินประมาณ 10 เม็ด แต่เพื่อนของลูกไม่มีใครเป็นอะไร มีเพียงลูกสาวที่มีอาการช็อคเกือบเอาชีวิตไม่รอด โชคดีที่นำส่งโรงพยาบาลแพทย์รักษาทัน และขณะนี้พ้นขีดอันตราย แต่ก็ยังต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยให้ยาฆ่าเชื้อ
นายเอ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ตนนำเรื่องราวดังกล่าวมาโพสต์ เพื่ออยากเตือนภัยและเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป เพราะจากการสอบถามลูกสาวและเพื่อนๆไม่มีใครทราบว่ายาชนิดนี้เป็นยาอะไร มีผลต่อร่างกายหรือมีโทษอย่างไร ซึ่งจัดเป็นยาอันตราย เพราะหากรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการเคลิ้ม เหม่อลอย ไม่เจ็บ ไม่ปวด พูดจาไม่รู้เรื่อง เพียงแค่อยากลอง รู้เท่าไม่ถึงการณ์ตามประสาวัยรุ่น แต่กลับทำให้เกือบเอาชีวิตไม่รอด และที่สำคัญเท่าที่สอบถามเพื่อนลูกสาวว่าซื้อมาได้อย่างไรทำให้ทราบอีกว่าสามารถซื้อได้ทางไลน์หรือทางเฟสบุ๊ค โดยจะมีกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่นำมาจำหน่าย และตอนนี้กำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่อำเภอเขาวงและหมู่วัยรุ่นในพื้นที่ใกล้เคียง จึงอยากฝากถึงผู้ปกครองช่วยเป็นหูเป็นตาช่วยกันสอดส่องพฤติกรรมบุตรหลานเยาวชน และฝากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้มงวดให้มากขึ้นเพราะตนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในกลุ่มวัยรุ่นมักเรียกยาทรามาดอล หรือยาเขียวเหลือง ว่า “ยาเสียสาว” เพราะออกฤทธิ์เหมือนมอร์ฟีน ก่อนหน้านี้วัยรุ่นนิยมนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆ โดยเฉพาะผสมกับยาแก้ไอ และน้ำอัดลม ซึ่งหากรับประทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุข เหม่อลอย ไม่รู้เรื่อง ไม่มีสติ และหากมีการรับประทานเข้าไปปริมาณมากๆอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งขณะกำลังกลับมาแพร่ระบาดอีกครั้ง
ด้านนายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับยาทรามาดอล หรือเรียกกันว่ายาเขียวเหลืองนั้น จัดเป็นยาอันตราย ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดชนิดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก กำหนดให้จำหน่ายในร้านขายยาแผนปัจจุบันที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น และต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ และจ่ายในปริมาณที่เหมาะสมไม่เกิน 20 เม็ดต่อครั้ง และห้ามจำหน่ายให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี เพื่อป้องกันการนำยาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดก็ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขอำเภอร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดกับร้านขายยา พร้อมฝากเตือนกับผู้ปกครองดูแลบุตรหลานและก่อนซื้อให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่าซื้อมารับประทานเอง และอย่าใช้ยาผิดประเภท เพราะจะเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี