“บิ๊กอู๊ด” นำแถลง “สืบ ตม.5-ตม.น่าน” จับกุมคนต่างด้าวสัญชาติมอริเชียส หนีคดีแฝงตัวเป็นโค้ชลูกหนัง รวมหัวเมียไทยปลอมแผ่นวีซ่า ตุ๋นเหยื่ออยากไปอเมริกา
10 สิงหาคม 2564 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.เดชา กัลยาวุฒิพงศ์ ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5 , พ.ต.อ.เศรษฐภัทร ณ สงขลา ผกก.สส.บก.ตม.5 และ พ.ต.อ.ปกกิจ คล้ายเพชร ผกก.ตม.จว.น่าน ร่วมแถลงข่าวจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติมอริเชียส ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ และหมายจับศาลแขวงเชียงราย ข้อหา “ร่วมกันปลอมและใช้แผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการเดินทางระหว่างประเทศ และร่วมกันฉ้อโกง”
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม.5 และ ตม.จว.น่าน ร่วมกับ ตม.จว.เชียงราย , กก.สส.ภ.จว.น่าน , กก.สส.ปป.บก.ตม.2 และ สภ.เมืองเชียงราย ร่วมกันจับกุมตัวนายโจเซฟ อายุ 35 ปี สัญชาติมอริเชียส หรือนายแพทริก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 536/2563 ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2563 ความผิดฐาน “ร่วมกันปลอมและใช้แผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศปลอม” (ปลอม VISA ของประเทศสหรัฐอเมริกา) และหมายจับศาลแขวงเชียงราย ที่ 53/2564 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” สถานที่จับกุม ลานจอดรถ โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนมหายศ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน จ.น่าน
ทั้งนี้ นายโจเชฟ ได้ร่วมกับภรรยาชาวไทย เปิดโรงเรียนฝึกหัดฟุตบอลในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อสอนเด็กชนเผ่าที่ด้อยโอกาส โดยอ้างว่าจะให้โอกาสในชีวิตที่ดีขึ้น ต่อมานายโจเชฟ ได้ชักชวนให้ผู้ปกครองเด็กที่มาเรียนฟุตบอลเดินทางไปสหรัฐอเมริกา โดยเรียกค่าใช้จ่ายหัวละ 700,000-900,000 บาท ซึ่งมีเด็กหลายคนเดินทางไปแล้ว ต่อมาช่วงปลายปี 2563 ฝ่าย ตม.ขาออก ด่าน ตม.ทอ.สุวรรณภูมิ ได้จับกุมผู้ต้องหาคนไทยจำนวน 2 คน ซึ่งใช้หนังสือเดินทางที่มีแผ่นวีซ่าปลอมของประเทศสหรัฐอเมริกา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดำเนินคดี ผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวได้ให้การซัดทอดนายโจเซฟ และภรรยา ว่า เป็นผู้รับทำวีซ่าให้ และพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ยื่นคำร้อง และศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้ออกหมายจับทั้ง 2 คน
ต่อมายังมีผู้ปกครองบางรายไม่เชื่อมั่น และขอเงินคืน แต่นายโจเชฟ และภรรยา ไม่คืนให้ จึงได้ไปร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองเชียงราย และศาลจังหวัดเชียงรายออกหมายจับทั้ง 2 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง” อีกคดีหนึ่ง ในส่วนของภรรยาคนไทยนั้น เจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.ตม5 และ ตม.จว.เชียงราย ได้ทำการจับกุมตัวแล้วเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563 ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 535/2563 ความผิดฐาน “ร่วมกันปลอมและใช้แผ่นปะตรวจลงตราอันใช้ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศปลอม”
ด้าน พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม./โฆษก สตม. , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. ร่วมกันเปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ระดมกวาดล้างคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ขบวนการขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการขนแรงงานต่างด้าวเข้ ออกพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 และรวมถึงการที่คนต่างชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ทั้งนี้ สตม. ขอเรียนว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนหรือ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี