มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมกับ บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ NRF และบริษัท โกลเด้น ไตรแองเกิล เฮลท์ จำกัด หรือ GTH ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและสกัดกัญชง โดยมี รศ.นพ.ชาญชัยพานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงนามกับ คุณแดน ปฐมวาณิชย์ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท NRF และคุณจุลภาส เครือโสภณ ผู้ก่อตั้งบริษัทGTH พร้อมด้วยคณะผู้บริหารทั้งสองฝ่ายณ ห้องประชุมสารสิน อาคารสิริคุณากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่ามหาวิทยาลัยขอนแก่น มีนโยบายในเรื่องการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพืชกัญชงและกัญชา โดยทำการศึกษาค้นคว้า กัญชงกัญชา มาสักระยะหนึ่ง ผ่านสถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อบูรณาการทุกคณะให้เข้ามามีบทบาทในการศึกษาวิจัยและพัฒนา เช่น คณะเกษตรศาสตร์ ทำหน้าที่ เพาะ ขยาย ปลูกเมล็ดพันธุ์ คณะวิทยาศาสตร์ทำหน้าที่สกัด วิเคราะห์องค์ประกอบสารสรรพคุณกว่า 400 ชนิด เมื่อสกัดแล้วคณะเภสัชศาสตร์ พัฒนาเป็น เวชภัณฑ์ เครื่องสำอาง จากนั้นหากเป็นกัญชาคณะแพทยศาสตร์ นำไปวิจัยทางการรักษา ทำอย่างไรให้แพทย์แผนปัจจุบันยอมรับ น่าภูมิใจมากที่คณะแพทย์ฯมีถึง 10 กลุ่มงาน ที่จะเอาไปทดลอง ซึ่งเกิดขึ้นได้ยากที่วงการแพทย์จะตื่นตัวในลักษณะการนำพืชชนิดนี้มาใช้ทดลองในการรักษา
“ปัจจุบันเราได้พัฒนาทุกระดับแล้ว แต่สิ่งที่เราขาดคือคนที่จะนำของเราไปใช้อย่างกว้างขวางและเกิดประโยชน์สูงสุด วันนี้เราพูดถึงเฉพาะ กัญชง เพื่อนำไปใช้ด้านอาหาร และเครื่องดื่ม เราจับมือกับบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เพื่อจะทำให้งานของเราสร้างผลกระทบต่อสังคมจริงๆ ด้วยศักยภาพของทั้งสองบริษัท เชื่อว่า จะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริงในวงกว้าง ยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ผมมีความฝันว่ากัญชงจะเป็นพืชเศรษฐกิจช่วยเหลือเกษตรกรไทย นอกจากจะเพื่อชาวไทยแล้วยังเกิดผลดีต่อสังคมโลกต่อไป” อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าว
ด้านนายแดน ปฐมวาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท NRF เผยว่า บริษัทมีนโยบายการทำธุรกิจที่อยู่บนพื้นฐานการรักษ์โลกและไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม หลังเริ่มศึกษาพืชชนิดนี้พบว่ามีอัตราการฟอกอากาศได้ดีไม่แพ้พืชชนิดอื่น เติบโตง่ายเพียง 90 วันใช้การปลูกที่ไม่ซับซ้อน นั่นหมายความว่าขั้นตอนยิ่งน้อยยิ่งทำให้ลดการเกิดมลภาวะกับโลก และสารสกัดจากกัญชง เมื่อประกอบเป็นผลิตภัณฑ์ ยังส่งเสริมสุขภาพ จึงตัดสินใจเข้าร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพื่อผลักดันเป็นสินค้าขายทั่วโลก แน่นอนว่ากัญชงจะกลายเป็นพืชที่ตลาดโลกให้การยอมรับ กระตุ้นเศรษฐกิจไทยได้ในที่สุด
นายจุลภาส (ทอม) เครือโสภณ ผู้ก่อตั้งบริษัท GTHกล่าวว่า หลังผลักดันเรื่องการทำให้พืชกัญชง กัญชา ถูกกฎหมายในประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ ตนจึงเดินทางไปทุกมหาวิทยาลัยในประเทศไทยเพื่อหาสถานที่วิจัยทดลองและสกัดสาร เพื่อรองรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ กระทั่งตกลงและจบที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะที่นี่ พร้อมที่สุด ทั้งบุคลากร และสถานที่ ได้มาตรฐานสากล ที่สำคัญนักวิจัยพร้อมเดินทางไปกับเราให้สุดปลายทาง
“ผมทำไมจึงเป็นพันธมิตรที่ดีกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นเพราะผมอยากนำสิ่งดีๆ ของมหาวิทยาลัยไปวางขายที่ร้านอเมริกา750 สาขา 36 ประเทศ สินค้าไทยที่ไปได้ ทุกพันธมิตรผมพร้อมเช่น เครื่องดื่มชูกำลังเจ้าใหญ่ เวชสำอาง สินค้าเพื่อสุขภาพ เช่นยาสีฟันจะเอาสารสกัดจากกัญชง มข.ไปใช้และวางขายกว่า 12,000 สาขาในประเทศไทย ท่านไว้ใจได้ว่า มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นคนแรกที่จะนำสินค้าที่คนไทยมีความหวัง สู่ตลาดอย่างแท้จริง จะช่วยให้คนไทย วิสาหกิจชุมชนได้ผลประโยชน์ สินค้าที่ได้สารสกัดจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นจะไปสู่ตลาดโลกทั้งยุโรป และอเมริกา มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้จับมือกันกับเราเพื่อนำรอยยิ้มสุขภาพดี ไปให้ชาวโลก สิ่งที่เราทำ จะไม่สูญสิ้นแบรนด์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นจะต้องส่งออกไปได้สำเร็จ เราจะทำให้ดีที่สุด”
ทั้งนี้ในช่วงเช้าผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประธานบริษัท และเจ้าหน้าที่ ได้ลงแปลงปลูกกัญชง และหลังเสร็จสิ้นการลงนามความร่วมมือ และได้เดินทางไปชมห้องทดลองสกัดกัญชง ก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ระหว่างการดำเนินกิจกรรมทุกคนได้ปฏิบัติตามขั้นตอนการควบคุมโรคระบาดโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยใส่หน้ากาก เว้นระยะ และล้างมือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี