เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 ตุลาคม 2564 ที่วัดสว่างศรีวิชัย บ้านโนนตุ่น ต.เมืองเก่า อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และนายนิวัติ น้อยผาง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยมี นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ผมเป็นผู้แทน ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ จ.ขอนแก่น รวมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน อาสาสมัคร มูลนิธิ จิตอาสา ซึ่งสิ่งที่น่าดีใจในพื้นที่ขอนแก่น คือ ความร่วมไม้ร่วมมือกันในการให้ความช่วยเหลือพี่น้องผู้ประสบภัย จะเห็นได้ว่าจังหวัดขอนแก่นได้มีการเตรียมแผนเผชิญเหตุไว้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ ด้วยการเตรียมความพร้อมบุคลากร วัสดุอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย ในระหว่างเกิดเหตุ ได้น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการทำให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว โดยได้มีการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน มีอาหาร น้ำดื่ม ถุงยังชีพ แจกจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ ได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในช่วงสถานการณ์อุทกภัย อาทิ อันตรายจากกระแสไฟฟ้าช็อต เป็นต้น ทั้งนี้ ในขั้นต่อไป จ.ขอนแก่น จะได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เร่งสำรวจความเสียหาย ทั้งด้านที่อยู่อาศัย ที่ทำมาหากิน เพื่อเยียวยาฟื้นฟูตามระเบียบของทางราชการต่อไป รวมทั้งบูรณาการหน่วยงานในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา มาซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะของประชาชน
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับพายุลูกใหม่ "ไลออนร็อก" ที่มีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบกับประเทศไทยนั้น ทางจังหวัดขอนแก่นได้มีการเตรียมการรับมือในเบื้องต้นแล้ว และได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดได้บูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเตรียมการรับมือสถานการณ์ดังกล่าว และหารือร่วมกับคณะอนุกรรมการลุ่มน้ำในการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ในจังหวัดต่อไป และสำหรับนโยบายการสูบน้ำจากพื้นที่เปียกไปแห้ง ให้พิจารณาว่าพื้นที่ใดไม่มีน้ำก็สูบน้ำไปเติม โดยต้องประเมินร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ให้ดีว่าเป็นพื้นที่แล้ง เพื่อสามารถสูบน้ำไปกักเก็บไว้ได้ โดยต้องให้คนในพื้นที่พิจารณาร่วมกัน เพื่อใช้ในหน้าแล้งต่อไป
สุดท้าย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัคร จิตอาสา และทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันในการดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยมาด้วยดีอย่างต่อเนื่อง และขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาว จ.ขอนแก่น และพี่น้องประชาชนที่ประสบอุกภัยในจังหวัดอื่นๆ ให้ผ่านพ้นสถานการณ์อุทกภัยและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติในเร็ววัน
จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ และคณะ มอบเครื่องอุปโภคบริโภค ถุงยังชีพจำนวน 300 ชุด ให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมโรงครัวพระราชทาน โรงครัว และรถผลิตน้ำดื่ม บริเวณหน้าวัดสว่างศรีวิชัย
และในเวลา 12.30 น.ที่ศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่น พล.อ.อนุพงษ์ และคณะ ตรวจเยี่ยมศูนย์ Drive thru สำนักทะเบียนจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาสินค้า OTOP ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณศูนย์ราชการจังหวัดขอนแก่น
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี