สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สนช. กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดตัว “ระบบกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวโดยใช้ก๊าซไนโตรเจน” ซึ่งเป็นระบบกำจัดมอดและด้วงงวงข้าววิธีใหม่ที่สามารถกำจัดได้ทั้งไข่และตัวเต็มวัยได้ภายใน 7 วัน มีความปลอดภัยสูง ต้นทุนต่ำ และลดสารตกค้างในสิ่งแวดล้อม
ดร.พีรพันธุ์ พาลุสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า “รัฐบาลได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรไทย เสริมสร้างกลไกการตลาดด้วยการขยายปริมาณการบริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าวเพื่อการส่งออกให้มากขึ้น รวมถึงมาตรการต่างๆ เช่น การพัฒนาระบบการกระจายสินค้าให้รวดเร็วและต้นทุนต่ำ การพัฒนาพันธุ์ข้าวที่ให้ผลผลิตสูง รวมถึงการส่งเสริมให้เกิดการสร้างนวัตกรรมทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และบริการ จะเห็นได้ว่าการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าไปแทรกแซงห่วงโซ่อุตสาหกรรมข้าวนั้น เป็นประเด็นหนึ่งที่มีความท้าทายในการสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งและแตกต่างให้กับข้าวไทย “ระบบกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวโดยใช้ก๊าซไนโตรเจน” นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างความสำเร็จที่ได้นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาการจัดเก็บข้าวให้คงคุณภาพที่ดีได้ยาวนานขึ้น อีกทั้งยังมีความปลอดภัยสูงต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดข้าวอินทรีย์ที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในยุโรปและอเมริกา โดยในแต่ละปีประเทศไทยผลิตข้าวอินทรีย์ในประเทศประมาณ 69,000 ตัน มีการส่งออกข้าวอินทรีย์จำนวน 5,966 ตัน มูลค่าเท่ากับ 243 ล้านบาท ซึ่งนับว่ายังมีโอกาสในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากข้าวอินทรีย์ได้อีกมาก”
นายศุภชัย หล่อโลหการ ผู้อำนวยการ สนช. กล่าวว่า “สนช. ให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรม “ข้าว” ซึ่งเป็นเสมือนพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ โดยที่ผ่านมาได้สนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง รวมกว่า 23 ผลงาน เช่น สารเพิ่มปริมาตรในเม็ดยา แป้งพัฟจากข้าวหอมมะลิ กะทิธัญพืช ครีมเคลือบเงาเอนกประสงค์จากน้ำมันรำข้าวอินทรีย์ ฯลฯ คิดเป็นมูลค่าการสนับสนุนรวม 27.83 ล้านบาท ก่อให้เกิดการลงทุนรวมกว่า 318.33 ล้านบาท สำหรับ “ระบบกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวโดยใช้ก๊าซไนโตรเจน” เป็นหนึ่งในโครงการที่ สนช. ได้ให้การสนับสนุนภายใต้โครงการแปลงเทคโนโลยีเป็นทุน และโครงการนวัตกรรมดี...ไม่มีดอกเบี้ย วงเงินรวม 1.13 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 26.5 ล้านบาท เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ในการกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวให้กับผู้ประกอบธุรกิจค้าข้าว โดยก๊าซไนโตรเจนที่ใช้ในการรมข้าวนี้มีความปลอดภัยและมาจากธรรมชาติ 100% ทำให้การเก็บข้าวมีอายุยาวนานขึ้น สามารถใช้ทดแทนเมทิลโบรไมด์และฟอสฟินที่โรงสีนิยมใช้ในปัจจุบันได้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจข้าวอินทรีย์ที่กำลังได้รับความนิยมจากกระแสห่วงใยสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งนอกจากจะมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคแล้ว ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย”
ทั้งนี้ สนช. กำลังริเริ่มและจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมข้าวไทย (RICE: Rice Innovation Center of Excellence)” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าวไทยแบบครบวงจรเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยวางเป้าหมายการพัฒนาข้าวไทยให้มีคุณภาพมากขึ้น มีความเป็นเลิศพัฒนาพันธุ์ข้าว และยกระดับการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์จากข้าวไทย ด้วยงบประมาณ 100 – 200 ล้านบาท ซึ่งหากประเทศไทยมีสินค้านวัตกรรมที่พัฒนาจากข้าวไทยได้หลากหลายและต่อเนื่อง จะเป็นการช่วยสร้างธุรกิจใหม่และตลาดที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสความผันผวนของราคาข้าวในระยะยาวได้อีกด้วย”
นายสัมฤทธิ์ แซ่เจียง กรรมการ บริษัท สยามวอเตอร์เฟลม จำกัด กล่าวว่า “การกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวโดยทั่วไปมี 3 วิธี ได้แก่ การใช้สารเคมีเมธิลโบรไมด์ (จะห้ามใช้ภายในปี พ.ศ. 2558) การใช้สารเคมีฟอสฟีน ที่กำลังเป็นที่นิยมใช้สำหรับข้าวสารทั่วไป เนื่องจากมีต้นทุนต่ำ และกำจัดได้เร็ว และ การเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้สิ่งมีชีวิตเบื่ออาหาร เพลีย หมดสติ และตายไปเอง วิธีนี้ต้นทุนการกำจัดสูงกว่าวิธีอื่น เนื่องจากต้องใช้เวลาประมาณ 15 วัน แต่สำหรับ “ระบบกำจัดมอดและด้วงงวงข้าวโดยใช้ก๊าซไนโตรเจน” ที่พัฒนาขึ้นนี้อาศัยแนวคิดที่ว่าสิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องใช้ก๊าซออกซิเจนในการหายใจ หากมีปริมาณก๊าซออกซิเจนต่ำมากสิ่งมีชิวิตเริ่มหายใจถี่เร็วขึ้นและตายในที่สุด จึงได้ออกแบบระบบให้เป็นห้องปิดที่มีปริมาณก๊าซออกซิเจนต่ำกว่า 0.5% โดยใช้เทคโนโลยีดูดอากาศภายในห้องมาผ่านระบบดูดซับก๊าซออกซิเจนออกไป เหลือเพียงก๊าซไนโตรเจนเข้มข้น 99.5% ส่งผลให้มอดแป้งและด้วงงวงข้าวตายภายใน 7 วัน สามารถกำจัดได้ทั้งไข่และตัวเต็มวัย ซึ่งการทดสอบดำเนินมากว่า 2 ปี โดยได้รับความมือจากกรมวิชาการเกษตรเป็นผู้ร่วมวิจัยและวิเคราะห์ผลการทดสอบดังกล่าว”
นายวัลลภ พิชญ์พงศา รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด กล่าวว่า “หลักการและมาตรฐานสำหรับผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ไม่อนุญาตให้ใช้สารเคมีสังเคราะห์ในกระบวนการทุกขั้นตอน ดังนั้น ในกระบวนการผลิตข้าวอินทรีย์ จะต้องไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ตั้งแต่กระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค ตั้งแต่การปลูกข้าวในนาจนถึงการบรรจุถุง การป้องกันการเกิดแมลงในข้าวอินทรีย์ โดยที่ผ่านมาได้ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และระบบแพ็คสุญญากาศ แต่เมื่อบริษัทฯ ได้ร่วมโครงการทดลองใช้ก๊าซไนโตรเจนในการป้องกันและกำจัดแมลงในข้าวกับบริษัท สยามวอเตอร์เฟลม โดยการสนับสนุนของ สนช. นั้น ผลการทดลองพบว่าระยะเวลาที่ใช้ลดลงเมื่อเทียบกับการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากเดิมใช้เวลา 14 วัน เหลือ 6 วัน ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก หลังจากนี้ ทางบริษัทจะศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายผลการใช้ก๊าซไนโตรเจนในการกำจัดแมลงในข้าวอินทรีย์เพื่อการส่งออกและในประเทศต่อไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี