ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ KICE จังหวัดขอนแก่น ดร.สมศักดิ์จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิดโครงการเสวนาวิชาการ เรื่อง ทิศทางการพัฒนาระบบรางของประเทศไทย ซึ่งจัดโดย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดขอนแก่น ร่วมกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ศูนย์อาเซียนศึกษา, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น
ทั้งนี้ ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งทั่วประเทศ ให้ครอบคลุมทั้งภูมิภาคของประเทศและข้ามเขตแดนระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างประเทศกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน
ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การเคลื่อนตัวของเมืองขอนแก่นปัจจุบันจะเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของเมือง มีสถาบันการศึกษาที่ผลิตทรัพยากรมนุษย์ ในด้านระบบรางคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่นและมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งจังหวัดขอนแก่น มีที่ตั้งภูมิศาสตร์อยู่กึ่งกลางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีระบบคมนาคมขนส่งสามารถเชื่อมโยงไปยังประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และในโอกาสที่โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจากประเทศจีนถึงประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative-BRI) ของประเทศจีน ใกล้จะแล้วเสร็จและเริ่มเปิดดำเนินการในวันที่ 2 ธันวาคม 2564 เส้นทางนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประเทศในการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานกับประเทศจีนและทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนโดยจังหวัดหนองคาย อุดรธานีขอนแก่น และนครราชสีมา อยู่ในเส้นทางสำคัญนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี