ปปช.หอบสำนวน 1,302 หน้า ยื่นฟ้อง"สุเทพ"กับพวก 6 ราย ทุจริตจัดจ้างสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ หลัง อสส.สั่งไม่ฟ้อง แต่ยังคาใจทำไม ป.ป.ช.มาฟ้องเอง ศาลให้ประกันคนละล้านบาท กำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ นัดพิจารณาครั้งแรก 17 ก.พ.ปีหน้า
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.) นำสำนวนพร้อมเอกสารหลักฐานในคดีเป็นโจทก์ฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับพวกรวม 6 คน กรณีทุจริตสร้างสถานีตำรวจ 396 ทั่วประเทศ รวมมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก
โดยก่อนเข้าแสดงตัวต่อศาล นายสุเทพ กล่าวยืนยันไม่ได้กระทำการใดที่ผิดจากมติคณะรัฐมนตรี ทั้งเรื่องสั่งการและการพิจารณาต่างๆ อยู่บนพื้นฐานของข้อกฎหมายระเบียบปฏิบัติ และในฐานะที่กำกับดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตัดสินใจในแง่ของนโยบาย การปฎิบัติตามอำนาจหน้าที่ และไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกักระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง โดยอนุมัติตามที่มีการเสนอในราคาต่ำกว่าราคากลางกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่แจ้งว่าผ่านการประมูลชอบตามกฎหมายแล้วจึงได้ลงนาม ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชน
ส่วนการสร้างสถานีตำรวจไม่แล้วเสร็จเป็นเรื่องของการบริหารจัดการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
"ตนยืนยันขอต่อสู้คดีด้วยข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะพิสูจน์ข้อกล่าวหาการทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจในศาลฎีกา หลัง ป.ป.ช.สอบสวนคดีมานานนับ 10 ปี ส่งผลต่อชื่อเสียงทั้งที่ได้ต่อสู้เรื่องต้านการทุจริตมาตลอด แต่มาถูกกล่าวหาการทุจริตเสียเอง" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า คดีนี้อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง เนื่องจากมีข้อไม่สมบูรณ์ เชื่อว่าไม่น่าจะดำเนินคดีกับตน แต่วันนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก ต้องติดตามว่าพยานหลักฐานที่ ป.ป.ช.นำมาแสดงต่อศาลเมื่อเปรียบเทียบกับพยานหลักฐานของตัวเองจะเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ตนมั่นใจกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย และไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การทำงานและกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช.เพราะถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ในคดีแล้ว (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'สุเทพ'ยันปฏิบัติตามมติ ครม.ปัดเอี่ยวทุจริตสร้างโรงพัก 396 แห่ง)
ต่อมาเวลา 12.00 น.ภายหลังเข้าแสดงตัวต่อศาล นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ ป.ป.ช.นัดตนมาเพื่อยื่นฟ้องฐานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีอนุมัติเปลี่ยนแปลงวิธีจัดซื้อจัดจ้างโครงการสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่งพร้อมจำเลยรวม6 รายโดย ป.ป.ช.นำคำฟ้อง และเอกสารในคดีทั้งหมด 1,302 หน้า ซึ่งเป็นเอกสารซึ่งตนเคยชี้แจง ป.ป.ช.และอัยการ ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งหมดไม่มีประเด็นที่เเปลกไปกว่าเดิม ตนจะนำประเด็นที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องและไม่รับดำเนินคดีมาโต้แย้ง รวมทั้งจะนำพยานเอกสารประมาณ 200 หน้า มาเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลส่วนพยานบุคลยังไม่ได้กำหนด ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าในการสั่งการลงนามจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวทำตามระเบียบกฎหมายทุกประการ
อย่างไรก็ตาม ศาลได้นัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การ ในวันที่ 17 ก.พ.65 โดยสำนวนคดีวันนี้ ป.ป.ช.ยื่นเฉพาะสำนวนจัดซื้อจัดสร้างโรงพักอย่างเดียว ไม่มีเรื่องแฟลตตำรวจ
เมื่อถามว่า คดีนี้อัยการสูงสุดสั่งไม่รับดำเนินคดีแต่ ป.ป.ช.กลับมายื่นฟ้องเอง หากชนะคดีจะฟ้องกลับหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ตอนนี้ขอต่อสู้คดีก่อน เพราะถูกกล่าวหามา 10 ปีแล้ว ทำให้เสียชื่อเสียงจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายละเอียดจำเลยและข้อหาที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องในวันนี้นั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องมาตรา 157 , พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีต รรท.ผบ.ตร.จำเลยที่ 2 มาตรา 157 , พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ จำเลยที่ 3 และ พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะกรรมการคัดเลือกการประกวดราคา มีความผิดฐานฮั้วประมูล ส่วน บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด จำเลยที่ 5 ก่อสร้างสถานีตำรวจไม่แล้วเสร็จ และนายวิษณุ วิเศษสิงห์ จำเลยที่ 6 กรรมการผู้จัดการ ถูกฟ้องข้อหาข้อหาสนับสนุนฯ
ภายหลัง ป.ป.ช.ยื่นฟ้อง จำเลยทั้งหมดยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว โดยศาลตีราคาประกันคนละ 1 ล้านบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี