จับตาศบค.เคาะมาตรการชุดใหญ่
ต่อพรก.ฉุกเฉิน
ชี้ชะตาร้านเหล้า-ปรับโซนสีพื้นที่
ขยายแซนด์บ็อกซ์-จว.ท่องเที่ยว
รื้อเทสต์แอนด์โกตรวจเชื้อ2รอบ
เข้มระบบติดตามทุกคนที่เข้าปท.
ลดเวลากักตัวกลุ่มเสี่ยงเหลือ7วัน
ไทยยอดป่วยโควิดรายใหม่ขยับขึ้น 7,122 ตาย 12 ศพ หลังปีใหม่คลัสเตอร์ร้านอาหารต้นตอแพร่เชื้อ สธ.สุ่มตรวจทั่วประเทศเจอติดเชื้อในสถานบันเทิง 21 แห่งเหตุสอบตกมาตรการโควิด ฟรี เซ็ตติ้ง- บางที่เหิมแอบเปิด ลุ้น ศบค.ชุดใหญ่เคาะมาตรการปรับโซนสีพื้นที่–ต่อพรก.ฉุกเฉิน-รื้อเทสต์แอนด์โก เข้มระบบติดตามตัวทุกคนที่เข้าประเทศ โดยต้องตรวจหาเชื้อ2รอบก่อนเดินทางไปเที่ยว เพิ่มจังหวัดแซนด์บ็อกซ์-นำร่องท่องเที่ยวด้านปลัด สธ.ชี้ยังคงเตือนภัยระดับ4รอหารือศบค.ก่อนปรับลด ไฟเขียวลดเวลากักตัวกลุ่มเสี่ยงเหลือ7วัน ข่าวดีผู้ปกครอง ไฟเซอร์เด็กถึงไทย 26 ม.ค. ดีเดย์ฉีด 31 ม.ค.
เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือศบค. แถลงสถานการณ์ผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศไทย รวมถึงการเตรียมเสนอมาตรการผ่อนคลายเข้าที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่
ติดเชื้อใหม่7,122-มาจากตปท.172
โดยจำนวนพบผู้ติดเชื้อใหม่วันนี้มี 7,122 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,935 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,846 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 89 ราย มาจากเรือนจำ 15 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 172 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 7,460 ราย อยู่ระหว่างรักษา 81,602 ราย อาการหนัก 511 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 113 ราย
ตาย12-ฉีดวัคซีนทะลุ110ล.โดส
เสียชีวิตเพิ่ม 12 ราย เป็นชาย 6ราย หญิง 6 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 7 ราย โรคเรื้อรัง 3 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,344,933 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 2,241,363 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 21,968 ราย ฉีดวัคซีนวันที่ 18 มกราคม เพิ่มขึ้น 481,828 โดส รวมฉีดวัคซีนสะสมตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 110,310,481 โดส
คลัสเตอร์ร้านอาหารต้นตอแพร่เชื้อ
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ 820 ราย สมุทรปราการ 601 ราย ชลบุรี 506 ราย ภูเก็ต 383 ราย นนทบุรี 319 ราย ขอนแก่น 313 ราย ปทุมธานี 250 ราย สมุทรสาคร 185 ราย อุบลราชธานี 166 ราย และระยอง 156 ราย ตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมาคลัสเตอร์ที่พบระบาดมากที่สุด ได้แก่ คลัสเตอร์ร้านอาหาร และในส่วนสถานบันเทิงคงต้องพูดคุยให้ชัดเจน โดยที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่จะพิจารณาว่าจะผ่อนคลายหรือไม่
21สถานบันเทิงการ์ดตกทำโควิดลาม
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) วันนี้รายงานว่าสถานบันเทิงกึ่งผับที่เปิดเป็นร้านอาหาร มีการระบาดหลายคลัสเตอร์ ทั้งร้านมูนบาร์ จ.นนทบุรี ร้านฮันนี่ไนท์ จ.เพชรบุรี ร้านแสงคำ จ.อุบลราชธานี และจากการลงพื้นที่ทั่วประเทศพบการติดเชื้อในสถานบันเทิง 21 แห่ง มี 7 ร้านที่เปิดผ่านการประเมินโควิดฟรีเซ็ตติ้ง แต่ย่อหย่อนมาตรการทำให้เกิดการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ขึ้น ซึ่ง 7 ร้านดังกล่าวมีหลายพื้นที่ อาทิ เชียงใหม่ ขอนแก่น ขณะที่อีก 14 ร้านเปิดโดยไม่ได้ขออนุญาตจากจังหวัด อาทิ ร้านท่าช้าง ร้านเสี่ยวสันติธรรม จ.เชียงใหม่ ร้านดาร์กบาร์ ร้านรีเพลย์กราวด์ จ.ขอนแก่น ร้านพระราม 8 จ.พะเยา ที่จ.ชลบุรี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อุดรธานี และมหาสารคาม ถือเป็นการเปิดผิดกฎหมาย แม้เป็นร้านที่เปิดในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวก็เปิดได้ถึงแค่เวลา 21.00 น. ซึ่งที่กล่าวมานี้ไม่ได้ตำหนิ แต่เป็นข้อมูลเชิงวิชาการ
แฉพฤติกรรมหย่อนยานสุดๆ
“สธ.รายงานปัจจัยติดเชื้อสำคัญคือ สภาพแวดล้อม ไม่จัดระบบระบายอากาศ ไม่จำกัดเวลานั่งรับประทานอาหารในร้าน ไม่เว้นระยะห่าง ไม่จำกัดผู้ใช้บริการ ไม่คัดกรองความเสี่ยงผู้ให้บริการ บางร้านไม่สามารถแสดงผลฉีดวัคซีนของพนักงานได้ ไม่ตรวจเอทีเคพนักงานทุก 7 วัน บางร้านตรวจประวัติพนักงานบางรายเสี่ยงสูงก็ยังให้ปฏิบัติงาน เกือบทุกร้านไม่มีผู้รับผิดชอบเฝ้าระวังการติดเชื้อใน ที่สำคัญยังพบไม่คัดกรองความเสี่ยงผู้มารับบริการ รวมถึงไม่ทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วม” พญ.อภิสมัยกล่าว
20มค.ศบค.ปรับพื้นที่ผ่อนมาตรการ
และว่าการประชุมศบค.ชุดใหญ่วันที่ 20 มกราคม จะพิจารณาการปรับระดับพื้นที่สี ซึ่งจะพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ใช่มองแค่ตัวเลขผู้ติดเชื้อแต่ต้องดูความพร้อมการรักษาพยาบาลของพื้นที่นั้นๆด้วย รวมถึงจะพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการเดินทางเข้าราชอาณาจักร
ด้านพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 ) หรือผอ.ศปก.ศบค.ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันที่ 20 มกราคมว่า ศปก.วันนี้ได้สรุปและประเมินสถานการณ์ หลังปีใหม่ รวมถึงพิจารณาผ่อนคลายมาตรการ เนื่องจากเลขตัวเลขผู้ติดเชื้อทรงตัว และระบบรักษาพยาบาลเข้าที่เข้าทางมากขึ้น จึงประเมินว่าจะผ่อนคลายปรับระดับพื้นที่สีแต่ละจังหวัดอย่างไร ให้ประชาชนทำมาหากินคล่องตัวขึ้น โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้า ผอ.ศบค. สั่งการตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังปีใหม่ ให้เร่งประเมินพิจารณาผ่อนคลายส่วนที่ทำได้ รวมถึงระบบควบคุมผู้จะเดินทางเข้าประเทศให้รัดกุมมากขึ้น สำหรับมาตรการต่างๆที่จะออกมา บางส่วนเริ่มเลย บางส่วนเริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เพราะต้องแจ้งเตือนและเตรียมความพร้อม ลงทะเบียน
ยกระดับเทสต์แอนด์โกคุมเข้มนทท.
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางเข้าประเทศ โดยระบบเทสต์แอนด์โก จะปรับเงื่อนไขอย่างไร พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า เงื่อนไขสำคัญของระบบเทสต์แอนด์โกระยะ 7 วัน จะหาวิธีควบคุมผู้เดินทางเข้าประเทศให้ได้ ต้องติดตามตัวได้หลัง 7 วัน จึงจะถือว่าปลอดภัย สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อเดินทางเข้ามาคือ ตรวจคัดกรองและต้องแจ้งว่าจะไปไหนช่วง 7 วัน จากนั้นต้องคุมไว้สังเกต ไปไหนต้องมีข้อมูลดูได้ว่าอยู่ที่ไหน ซึ่งวันนี้จะหารือถึงมาตรการเพิ่มเติมส่วนนี้ และจะกำหนดว่าวันที่5-7วันที่อยู่ในประเทศต้องตรวจ RT-PCT ซ้ำ เมื่อปลอดภัยสามารถเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทยได้โดยรูปแบบใหม่จะไม่กักตัว ยกเว้นระบบแซนด์บ็อกซ์ กับกรณีกับที่จองโรงแรม7วันในสถานที่กักตัวทางเลือก ต่างจากเดิมที่เทสแอนด์โกตรวจครั้งแรกครั้งเดียวเมื่อเข้ามา แล้วปล่อยตัวให้ท่องเที่ยวได้และไม่ได้ควบคุมมากแต่เมื่อมีเชื้อโอมิครอนเข้ามา จึงต้องยกระดับ
เพิ่มมาตรการตรวจRT-PCR2ครั้ง
ทั้งนี้ จะอนุญาตให้ผู้ลงทะเบียนผ่านเทสต์แอนด์โกไว้แล้ว ยังเข้าประเทศได้ ส่วนที่เหลือระงับลงทะเบียนไว้ ผู้เข้ามาจึงต้องเพิ่มมาตรการให้ได้ตรวจ 2 ครั้ง ถือเป็นการควบคุมที่แน่นหนาขึ้น ส่วนจะนำมาตรการมาใช้หรือไม่ใช้ นายกฯให้แนวทางว่าให้ประเมินตามสถานการณ์ ดูตัวเลขผู้ติดเชื้อ ข้อมูลพื้นที่ การดำรงชีวิตและความร่วมมือของประชาชน ผู้ประกอบการ ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขติดตามสถานการณ์และพูดคุยกับนายกฯใกล้ชิดน่าจะมีข่าวดีเรื่องนี้
ย้ำผับบาร์โอเกะเสี่ยงสูงมาก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผับ บาร์ ที่ขอปรับมาเป็นร้านอาหารต้องเข้าไปสำรวจก่อนวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา ได้ปรับปรุงอะไรไปบ้าง พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า จะทยอยเปิดต่อเนื่อง มอบให้กรุงเทพมหานครและจังหวัดไปดำเนินการ ดังนั้น ผู้ประกอบการที่มีสถานประกอบการลักษณะผับ บาร์ คาราโอเกะเต็มรูปแบบต้องเข้าใจว่ายังเสี่ยงสูงมาก หากจะปรับเป็นร้านอาหารต้องทำตามที่เราเปิดช่องให้คือ รูปแบบร้านอาหาร และต้องแจ้งท้องที่ให้ไปตรวจประเมิน รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขที่กำหนด
ต้องพร้อมก่อนเพิ่มแซนด์บ็อกซ์-จว.สีฟ้า
สำหรับการพิจารณาเพิ่มพื้นที่แซนด์บ็อกซ์หรือไม่นั้น พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า มีโอกาส การเพิ่มขึ้นกับความพร้อมของพื้นที่นั้นเป็นหลัก เช่นเดียวกับการเพิ่มพื้นที่นำร่องสีฟ้า ที่ชะลอไว้ก่อนหน้านี้ ศปก.ศบค. ก็จะพิจารณา โดยดูความพร้อมของพื้นที่ ทั้งเรื่องมาตรการสาธารณสุขที่รองรับ เพราะบุคคลที่เข้ามาจะเป็นคนใหม่ที่เข้าประเทศเราต้องควบคุมช่วง 7 วัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ดังนั้น ทุกฝ่ายต้องพร้อม ทั้งคนในพื้นที่ และผู้ประกอบการ นอกจากนี้ จะประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อ ลักษณะติดเชื้อเทียบกับอัตราส่วนประชากร ที่สำคัญคือ สาธารณสุขและท่องเที่ยวจังหวัด ต้องการันตีว่าพร้อมเปิดเป็นแซนด์บ็อกซ์หรือพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ขณะนี้เราอยู่ในระยะที่สองของการฟื้นฟูการท่องเที่ยวที่ระงับไว้ ประมาณ 13 พื้นที่ ส่วนจะเปิดได้ครบพื้นที่หรือไม่ ต้องพิจารณากันก่อน
ทุกโซนสีดื่มในร้านได้แค่3ทุ่ม
ถามว่าจังหวัดที่จะปรับพื้นที่โซนสีดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ พล.อ.สุพจน์ กล่าวว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมา การกำหนดมาตรการแต่ละพื้นที่ กำหนดเป็นโซนสีคือ สีแดงเข้ม สีส้ม สีเหลืองและสีเขียว แต่ละพื้นที่จะมีมาตรการ 4 แบบ ดูแล้วรู้เลยว่าทำอะไรแต่ละกิจกรรม พื้นที่สีส้ม ไม่ให้ดื่มสุราในร้านอาหาร หากเป็นสีเหลืองอนุญาตให้ดื่มสุราในร้านอาหารได้ ถ้าสถานการณ์น่าเป็นห่วง อาจมีมาตรการเพิ่ม เช่น แต่ละจังหวัดอาจกำหนดเวลาดื่มสุราได้ถึง 21.00 น. หรือ 22.00 น. ซึ่งจังหวัดสามารถออกมาตรการเพิ่มได้
ยันต่อพรก.ฉุกเฉินชี้จำเป็นต้องใช้
นอกจากนี้ พล.อ.สุพจน์ยืนยันว่า ต้องพิจารณาต่อประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่จะครบกำหนดออกไป ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนเวลา เพราะยังจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯในหลายกิจการ เพื่อป้องกันการระบาด ทั้งเรื่องเดินทางเข้าประเทศ ส่วนการประเมินตัวเลขผู้ติดเชื้อประมาณ 6,000 ราย ซึ่งลดมาจากเดิม 8,000 ราย ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนในการลดระดับ เพื่อให้ตัวเลขอยู่ในระดับปลอดภัยขึ้น
ไม่ใส่แมส-ไม่ตรวจATKเสี่ยงป่วยพุ่ง
ส่วนกรณีผู้ปกครองบางส่วนเรียกร้องไม่ให้ตรวจ ATK เด็กนักเรียน และให้สวมหน้ากากได้ตามความสมัครใจนั้น พล.อ.สุพจน์กล่าวว่า เรื่องนี้สำคัญ ในประเทศไทย ถ้าไม่ช่วยกันใส่หน้ากากอนามัย ฉีดวัคซีน และไม่ช่วยกันตรวจ โอกาสแพร่เชื้อและติดเชื้อจะสูงมาก กระทบระบบสาธารณสุข ถ้ามีการติดเชื้อจะโกลาหล การจัดระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับจึงจำเป็น ถ้าไม่ทำตามมาตรการ ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือไม่ตรวจ ATK หรือไม่กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัย กระทบระบบสาธารณสุข ทั้งผู้ติดเชื้อ โควิด-19 และคนปกติ
คงเตือนภัยระดับ4-ขอถกศบค.ก่อน
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวโน้มประกาศลดระดับเตือนภัยการระบาดโควิด -19 จากระดับ 4 เป็นระดับ 3 ว่า ยังไม่มีการประกาศลดระดับเตือนภัยเป็นระดับ 3 ต้องหารือกันอีกครั้งวันที่ 20 มกราคมต้องพิจารณาหลายอย่าง เพราะการติดเชื้อแล้วอาการไม่รุนแรงนั้น เราไม่ค่อยกลัว ที่กลัวคือ การระบาดมากทำให้เกิดปัญหา ตามหลักวิชาการโอมิครอนต้องดู 4 รอบการติดเชื้อถึงจะคำนวณตัวเลขทางสถิติได้
ติดโอมิครอนสะสมหมื่น-ระบาดทรงตัว
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อ ปัจจุบันมีการติดเชื้อโอมิครอนสะสมประมาณ 1 หมื่นราย คิดเป็นสัดส่วน 60 % ของเชื้อที่ระบาดไทยตอนนี้ ส่วนใหญ่ 95-96 % อาการน้อย ที่มีอาการมากมีประมาณ 2-3 % ส่วนกรณีเสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว ขณะนี้ผู้เสียชีวิตจากเชื้อโอมิครอนยืนยันที่ 2 ราย เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประตัว และมีอีก 1 ราย ที่ติดเชื้อโอมิครอนอาการรุนแรง แต่มีปัญหาเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง และวัณโรคลงปอด ดังนั้น เราจะเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่ากรณีอาการหนัก หรือกรณีที่เสียชีวิต เป็นเพราะต้นทุนสุขภาพเดิมที่ไม่ดีอยู่แล้ว หรือเป็นเพราะเชื้อโอมิครอน
“สำหรับสถานการณ์ภาพรวมการติดเชื้อระลอกล่าสุด ทรงตัวมาต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเลยจุดพีคไปแล้วหรือยัง แต่คาดว่าสถานการณ์คงเป็นไปในระดับนี้ และแนวโน้มจะต่ำลง”ปลัด สธ.กล่าว
ลดกักตัวเสี่ยงสูงเหลือ7วัน-เข้มคนเข้าปท.
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปิดให้เข้าประเทศผ่านระบบ Test & Go สธ.เสนอมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า เสนอเพิ่มมาตรการแน่นอน เพราะยังพบติดเชื้อของคนเข้าประเทศ โดยเฉพาะค่าตรวจ RT-PCR ซึ่งก่อนหน้านี้กรมควบคุมโรค รับผิดชอบค่าใช้จ่ายการตรวจครั้งที่ 2 คิดเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท ดังนั้น การเปิด Test & Go ต้องให้ผู้เดินทางเข้ามารับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้ทั้งหมด ซึ่งจะตรวจ 3 รอบคือ วันแรกที่เดินทางถึงไทย ครั้งที่ 2 ตรวจภายใน 7 วัน และครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นเครื่องออกนอกประเทศ และต้องให้ซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการรักษาตามหลักเกณฑ์ของไทยทุกระบบ จากเดิมครอบคลุมเพียงรักษาที่รพ.เท่านั้น
ถามถึงความคืบหน้าการลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูง ปลัดสธ.กล่าวว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์สาธารณสุข (EOC)เห็นชอบแล้วว่า ลดวันกักตัวกลุ่มเสี่ยงสูงเหลือ 7 วัน ให้ตรวจหาเชื้อด้วย ATK วันที่ 5หรือ 6 เมื่อกักตัวครบ 7 วันแล้วออกมาทำกิจกรรมได้ แต่ให้เฝ้าระวังตัวเอง ลดเจอผู้คนให้น้อยที่สุด 3 วัน จากนั้นให้ตรวจ ATK วันที่ 10 ย้ำว่ากรณีสวมหน้ากากอนามัยทั้งคู่ ถือว่าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงสูง
ติดเชื้อไม่แจ้งทำระบาดส่อมีความผิด
ขณะที่นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีถ้าผู้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วย ATK พบว่าติดเชื้อ แต่ไม่ได้บอกคนรอบข้าง ไม่ได้แจ้งเข้าระบบของ 1330 หรือใดๆ และออกไปใช้ชีวิตตามปกติ จะถือว่ามีความผิดหรือไม่ว่า ต้องย้ำว่าการตรวจคัดกรองด้วย ATK ก็มีโอกาสที่ได้ผลตรวจเป็นบวก แต่อาจไม่ติดเชื้อก็มี หรือเรียกว่า ผลบวกลวง จึงอยากแนะนำว่า ถ้าตรวจ ATK ได้ผลบวกแล้ว ให้ไปตรวจซ้ำหรือพบแพทย์เพิ่มเติม เพราะไม่รู้ว่าจะบวกจริงหรือบวกลวง หรืออย่างน้อยให้ติดต่อที่สายด่วน 1330 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูตามระบบ หากอยู่บ้านกักตัวเองได้ ไม่แพร่เชื้อให้ใครก็เป็นเรื่องดี แต่หากออกไปใช้ชีวิตปกติ แล้วทราบภายหลังว่าไปแพร่เชื้อให้บุคคลอื่น เมื่อสอบสวนไปแล้วพบว่า เป็นผู้ที่ทำให้เกิดกระจายโรค หรือเป็นต้นเหตุ ต้องดำเนินการไปแต่ละกรณี เรื่องนี้ต้องพิจารณาเป็นรายๆไป แต่ยืนยันว่าการคัดกรองตัวเองด้วย ATK เป็นสิ่งที่ดีและควรทำ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และคนรอบข้าง
ไฟเซอร์เด็กถึงไทย26มค.3ล้านโดส
ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปีว่า ได้รับการรายงานจากนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรคว่าวัคซีนล็อตแรก หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจะเข้ามาถึงประเทศไทยวันที่ 26 มกราคม 3 ล้านโดส จาก 10 ล้านโดสที่สั่งจองไว้เบื้องต้น จากนั้นจะสุ่มตัวอย่างให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจล็อตรีลีสต์ ใช้เวลา 2-3 วัน ก็ทราบผล เมื่อผ่านขั้นตอนดังกล่าวแล้ว จะกระจายวัคซีนไปฉีดเด็ก เริ่มที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี (รพ.เด็ก) เป็นแห่งแรก เพื่อเดินหน้าฉีดให้เด็กที่มีโรคประจำตัว ถือเป็นกลุ่มเสี่ยง ก่อนกระจายไปรพ.ต่างๆ ซึ่งได้ประสานกระทรวงศึกษาธิการฉีดให้เด็ก ขอความร่วมมือผู้ปกครองให้พาบุตรหลานมาฉีดวัคซีน เพื่อความปลอดภัย
เริ่มฉีด31มค.-1ขวดฉีดได้10คน
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมถึงการฉีดวัคซีนในเด็ก จะเริ่มวันที่ 31 มกราคม เพราะเมื่อวัคซีนมาถึงวันที่ 26 มกราคมต้องใช้เวลาตรวจสอบ และกระจายวัคซีนไปรพ. โดยวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กมีขนาด 1 ขวด บรรจุ 1.3 มิลลิลิตร เมื่อผสมกับน้ำเกลือจะมีขนาด 2.6 มิลลิลิตร ทำให้วัคซีน 1 ขวด ฉีดให้เด็กได้ถึง 10 คน คนละ 0.2 มิลลิลิตร และบริษัทฯได้พัฒนาให้วัคซีนเก็บรักษาได้นานหลังผสมน้ำเกลือ ใน อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 10 สัปดาห์ จากเดิม 4 สัปดาห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี