วันที่ 22 มกราคม 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการบริหารวัคซีนป้องกันโควิด-19 เดือน ก.พ. นี้ ว่า ขณะนี้ ศบค.เห็นชอบแผนการฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 4 ให้กับประชากรในพื้นที่ 10 จังหวัดท่องเที่ยวและจังหวัดที่พบการติดเชื้อสูง จากเดิมที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ประกาศให้ฉีดเฉพาะกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และการสาธารณสุข รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด่านหน้า และกลุ่มเสี่ยง 608 (ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป)
“ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนเข็ม4 จะเน้นในจังหวัดสีฟ้า เพื่อรองรับการเปิดพื้นจังหวัดท่องเที่ยว(Sandbox) ดังนั้น ประชาชนที่รับวัคซีนเข็ม 3 ไปแล้วเกิน 3 เดือนสามารถเข้ารับเข็ม 4 ได้” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับสูตรเข็ม4 ของประชาชนที่ฉีดเข็ม 1-2 เป็นซิโนแวค เข็ม 3 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า เข็ม4 ก็จะแนะนำเป็นแอสตร้าฯ ขณะที่ คนที่ฉีดเข็ม 1-2 เป็นแอสตร้าฯ เข็ม 3 เป็นไฟเซอร์ เข็ม4 ก็จะแนะนำเป็นไฟเซอร์ ทั้งนี้ ขอให้รับเข็ม3 มาครบ 3 เดือนก่อนจึงเข้ามารับเข็ม4 แต่เราก็มีอธิบายเพิ่มเติมไว้ว่า การฉีดจะวัคซีนใด แพทย์ที่ดูแลสามารถแนะนำตามหลักการได้เช่นกัน
เมื่อถามว่าประชาชนจะติดต่อรับเข็ม4 อย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า ทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานฯ และมีนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เป็นเลขานุการฯ จะวางแผนการบริหารจัดการวัคซีนในแต่ละจังหวัด กำหนดจุดฉีด และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้ามารับเข็ม4 ต่อไป ดังนั้น ขอให้ประชาชนติดตามในส่วนของแต่ละจังหวัด
เมื่อถามว่าผู้ที่รับวัคซีนสูตร ซิโนแวค+แอสตร้าฯ และเข็ม 3 เป็นแอสตร้าฯ ดังนั้นควรรับเข็ม 4 เป็นวัคซีนใด นพ.โอภาส กล่าวว่า ประชาชนที่ฉีดสูตรไขว้ ซิโนแวค+แอสตร้าฯ ส่วนใหญ่ยังไม่ครบกำหนดเข็ม 3 ดังนั้น ตอนนี้เราก็เร่งรัดให้มีการฉีดเข็ม 3 ต่อเนื่อง แต่หากดูตามหลักการก็ควรฉีดไฟเซอร์ แต่อันนี้ยังไม่ถึงกำหนดเวลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม ศบค.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการเห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ตามที่กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอ ในแผนการรณรงค์เร่งรัดการฉีดวัคซีนการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด 19 ในจังหวัดพื้นที่ท่องเที่ยวและพื้นที่ระบาด จำนวน 10 จังหวัด แบ่งเป็น กลุ่มพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวที่เปิดรับผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา และกลุ่มพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวหรือมีการระบาด 6 จังหวัด ได้แก่ กทม. ชลบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี กาญจนบุรี และปทุมธานี โดยเป้าหมายคือประชากรทุกสัญชาติที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ โดยรวมแล้วมีประมาณ 2.5 ล้านคน จะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 17 - 31 ม.ค. 2565 และอาจขยายไปจนถึงเดือน ก.พ. โดยชนิดวัคซีนที่ใช้ในการฉีดในพื้นที่ คือ แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ โดยให้กระจายจุดฉีดทั่วถึงในทุกจังหวัด มีจุดฉีดทั้งระดับ รพ.สต. คลินิกเวชกรรม ซึ่งขณะนี้จัดส่งให้พื้นที่แล้ว 1 ล้านโดส
สำหรับวัตถุประสงค์ของแผนรณรงค์การฉีดวัคซีนดังกล่าว เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวและพื้นที่ระบาด เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาด รวมทั้งสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ และเพื่อให้พื้นที่สามารถเปิดการเดินทางและฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยเร็ว
ทั้งนี้ การฉีดในพื้นที่นำร่องท่องเที่ยวและระบาด 10 จังหวัด ดังกล่าวมีทั้งการฉีดกระตุ้นเข็ม 3 และเข็ม 4 จึงเป็นการเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้ารับการฉีดเข็ม 4 ได้ โดยในส่วนของการกระตุ้นเข็ม 3 นั้น หากรับซิโนแวค/ซิโนฟาร์ม ตามด้วยแอสตร้าเซนเนก้า ให้รับแอสตร้าเซนเนก้า เว้นระยะห่าง 3 เดือนจากเข็ม 2 ส่วนกรณีฉีดแอสตร้าฯ 2 เข็ม ให้รับไฟเซอร์เว้นระยะห่าง 3 เดือนจากเข็ม 2
ส่วนกรณีรับเข็มที่ 4 นั้น กรณีรับซิโนแวค 2 เข็มตามด้วยแอสตร้าฯ ให้รับแอสตร้าฯ ระยะห่าง 3 เดือนหลังฉีดเข็ม 3 ส่วนกรณีรับซิโนแวค 2 เข็มตามด้วยไฟเซอร์ ให้รับไฟเซอร์เป็นเข็ม 4 ระยะห่าง 3 เดือนหลังรับเข็ม 3
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี