เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 30 มกราคม 2565 ร.ต.อ.สุรเชษฐ์ ชุมดำ รอง ผบ.ร้อย ตชด.414 (ยายไท)อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมควร พิมพ์ทอง รอง สว.สืบสวน สภ.ท่าแซะ ร.ต.อ.ภินันท์ สมเขาใหญ่ รอง สวป.สภ.ท่าแซะ และนายอำนาจ เตชวรรณโต ปลัดฝ่ายความมั่นคง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ได้ควบคุมตัว นายธีระยุทธ หรือ เม นาคดุค อายุ 28 ปี ชาว จ.ชุมพร และนายบุญเชิด หรือเยา ชุมภู อายุ 44 ปี ชาว จ.ชุมพร พร้อมด้วยชาวเมียนมา จำนวน 33 คน แยกเป็น ชาย 21 คน หญิง 12 คน มายังกองร้อย ตชด.414 (ยายไท) เพื่อทำการกักกันตัวและตรวจหาเชื้อโควิด-19 เป็นเวลา 14 วัน ก่อนส่งดำเนินคดีคนไทยฐานะนำพา ซ่อนเร้น ให้ที่พักพิงแก่บุคคลต่างด้าว และชาวเมียนมา ฐานลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
โดยสืบเนื่องมาจาก เมื่อเวลา 03.00 น.วันที่ 30 มกราคม 2565 ทาง พ.อ.ภูมิพัฒน์ บุญเรืองขาว ผบ.ฉก.ร.25 กองกำลังเทพสตรี ได้สืบทราบว่ามีการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวชาวเมียนม่า เข้ามาในราชอาณาจักรไทย แล้วจะนำมาพักไว้ที่บ้านเลขที่ 327 ม.20 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงได้สั่งการให้หน่วยทหารชุดตรวจศิลาสลัก ร่วมกับ จุดตรวจคลองจั่น (ร้อย.ร.2521) และกำลังตำรวจตระชายแดนที่ 414 และตำรวจ สภ.ท่าแซะ สนธิกำลังทำการจัดชุดซุ่มเฝ้าตรวจ จำนวน 2 ชุด ในพื้นที่เป้าหมาย
จนกระทั่งพบรถยนต์กระบะ ตอนครึ่ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนด์เทา ทะเบียน บม 6637 ชุมพร และรถยนต์กระบะ ตอนเดียว ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมค สีบรอนด์เทา ทะเบียน บร 8366 ชุมพร วิ่งตามกันมา สังเกตพบบริเวณด้านหลังกระบะ บรรทุกคนมาเต็มทั้งสองคัน จากบ้านช่องหินหมู มุ่งหน้า บ.พันวาล 4 และเลี้ยวเข้าจอดบริเวณ บ้านเลขที่ 327 ม.20 ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ ซึ่งเป็นบ้านเป้าหมาย สภาพเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ขนาดใหญ่ ปลูกใกล้เชิงเขา กลางสวนปาล์มน้ำมัน และรถทั้งสองคันได้ถอยท้ายกระบะกำลังนำคนจำนวนมากลงจากรถเข้าไปแอบภายในบ้าน โดยมีผ้าใบสีฟ้าปิดด้านหน้า ชุดกำลังเจ้าหน้าที่จึงได้บุกจู่โจมเข้าไปทำการตรวจสอบ พบนายธีระยุทธ หรือ เม นาคดุค เป็นคนขับรถ อีซูซุ ทะเบียน บร 8366 ชุมพร และเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าว ส่วนรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บบ 6637 ชุมพร มี นายบุญเชิด หรือเยา ชุมภู เป็นคนขับ ส่วนด้านหลังผ้าใบ เจ้าหน้าที่พบแรงงานต่างด้าวชาวเมียนม่า จำนวน 33 คน แยกเป็น ชาย 21 คน หญิง 12 คน อายุตั้งแต่ 18 - 45 ปี จึงทำการตรวจสอบ ไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่
จากการสอบถาม คนขับรถทั้ง 2 คน ให้การว่า พวกตนมีบ้านอยู่ใกล้แนวชายแดน ทำให้รู้จักกับชาวเมียนมา ชื่อนายกาก้า ซึ่งเคยมาทำงานอยู่ในประเทศไทย และนายกาก้า จะเข้าออกชายแดนอยู่เป็นประจำ ต่อมานานกาก้า ได้ชักชวนให้ช่วยขนชาวเมียนมาออกจากพื้นที่ โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินคนละ 1,500 บาท รับชาวเมียนมาบริเวณริมชายแดน บ.ช่องหินหมู ในการรับจะมีคนนำมาส่งไว้ที่สวนยางพารา และนำมาพักไว้ที่บ้าน จากนั้นจะมีคนมารับต่อเพื่อเดินทางไปส่งยังปลายทาง โดยทำมาแล้ว 2 ครั้ง
ในขณะที่สอบถามชาวเมียนมา ให้การว่า เดินทางมาจากภูมิเลานำต่างๆ ของประเทศเมียนมา มาพักที่ บ.เอซานต้า อ.เขม่าจี จ.เกาะสอง จำนวน 2 วัน และเมื่อวันที่ 29 ม.ค.65 เวลาประมาณ 14.00 น.เดินทางด้วยรถตู้ 2 คัน มาพักคอยบริเวณชายป่าฝั่งประเทศเมียนมา เพื่อรอข้ามมาฝั่งประเทศไทยบริเวณ บ.ช่องหินหมู โดยมีรถมารอรับ เสียค่าใช้จ่ายให้นายหน้าชาวเมียนมา คนละ 23,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตรวจคัดกรองตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 และหลังกักกันตัวจนครบ จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ผ่านมามีการลักลอบเข้ามาตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณพื้นที่ ต.รับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร บ่อยครั้ง เนื่องจากทางฝั่งประเทศเมียนมา ได้ก่อสร้างถนนลูกรัง ติดชายแดนไทย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชายแดน และตำรวจภูธร สภ.ท่าแซะ จ.ชุมพร สามารถจับกุมได้บ่อยครั้งเช่นกัน และขบวนการขนแรงงานเถื่อน ซึ่งมีเครือข่ายใหญ่ฝั่งเมียนมา เป็นคนมีสี อยู่เบื้องหลัง จะรวบรวมชาวเมียนมาที่ต้องการเข้ามาทำงานในประเทศไทย มาส่งให้กับขบวนการในประเทศไทย คอยมารับและจัดส่ง โดยจะเปลี่ยนจุดรับส่งอยู่ตลอด หากจุดไหนสามารถเล็ดรอดไปได้ ก็จะใช้พื้นที่นั้นประจำ จนกว่าจะถูกจับ ก็จะเปลี่ยนไป เช่นรายนี้ ทำมาแล้ว 2 ครั้ง มาถูกจับในครั้งที่ 3
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี