เปิดภาพใต้ทะเล‘หาดแม่รำพึง’หลังภารกิจขจัด‘คราบน้ำมัน’ ยังมีฟิล์มบางๆ
4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ชายหาดแม่รำพึง จ.ระยอง ยังพบฟิล์มบางๆขึ้นที่ชายหาด สังเกตเห็นจากเงาแสงสะท้อนที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ ได้ทำการลงเก็บกู้ด้วยการใช้ทุ่นลากตลอดแนวชายหาดเพื่อดูดซับคราบน้ำมัน โดยแม่ค้าชายหาด บอกว่า ได้รับกลิ่นเหม็นและไม่สามารถนำน้ำทะเลมาใช้เลี้ยงสัตว์ทะเลในร้านได้ต้องไปซื้อน้ำจากที่อื่นก่อน
ขณะที่บริเวณลานหินขาว หาดแม่รำพึง เมื่อช่วงเช้า ผู้บริหาร บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ลงพื้นที่มอบถุงน้ำใจให้กับชาวบ้านและชาวประมงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณ ทุ่นผูกเรือน้ำลึกแบบทุ่นเดี่ยวกลางทะเลโดยมีชาวบ้านและกลุ่มประมงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งพูดคุยถึงปัญหาผลกระทบที่เกิดจากในพื้นที่ โดยบริษัทได้กล่าวกับประชาชนว่าพร้อมให้การช่วยเหลือและเยียวยาให้กับผู้ได้รับผลกระทบ
นายเสรี เรือนหล้า ประมงจังหวัดระยอง กล่าวว่า ในวันนี้มีกลุ่มประมงพื้นบ้านบ้านเพ แหลมรุ่งเรือง และกลุ่มบางกระเฌอ ได้มาพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทเรียกร้องให้ทางบริษัทช่วยเหลือประชาชนในเบื้องต้นให้เร็วที่สุด พร้อมทั้งให้บริษัทร่วมกับกลุ่มชาวประมงร่วมกันฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งทางกลุ่มประมงพื้นบ้านยินดีที่จะให้ความร่วมมือในการฟื้นฟูอย่างเต็มที่
ด้านนายวิสุทธิ์ สุขจันทร์ ประธานกลุ่มประมง รองนายกสมาคมประมงเรือเล็กระยอง กล่าวว่า รู้สึกพอใจที่บริษัทเข้ามาช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและพร้อมชดเชยเยียวยาอย่างเท่าเทียมกัน และที่สำคัญต่อจากนี้ต้องดูผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางทะเลในระยะยาว ซึ่งต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ถ้าหากบริษัทยินดีรับผิดชอบชดใช้ทั้งหมด พร้อมทั้งจับมือทำงานร่วมกับหน่วยงานองค์กรต่างๆ และชาวประมงที่มีประสบการณ์ด้านการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมทางทะเลก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะชาวประมงเคยมีสบการณ์จากการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในเหตุน้ำมันรั่วในปี 2556 ทั้งนี้ตนอยากให้ทำข้อตกลงร่วมกัน ออกเป็นข้อกฎหมายบังคับว่าสำหรับอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ เช่น ปิโตรเคมี ถ้าบริษัทใดทำผลกระทบทางทะเลจะต้องรับผิดชอบชดใช้เยียวยาฟื้นฟูทั้งระบบทั้งในระยะสั้นและระยะยาวหรือจนกว่าทะเลจะกลับสู่สภาวะปกติ
ขณะที่เมื่อเวลา 16.30 น.วันเดียวกัน นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า ด้านปลอดภัย เป็นประธาน การแถลงข่าวฯเกี่ยวกับมาตรการเยียวยาต่างๆ มีเนื้อหาโดยสรุปว่า แผนการฟื้นฟู และเยียวยา คณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน (กปน.) จะทำการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการฟื้นฟูและประเมินค่าความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมอันเนื่องมาจากน้ำมัน อาศัยอำนาจตามข้อ 10(5) และ (8) ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน พ.ศ. 2547 ประกอบกับข้อ 13 ของแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ ประเมินค่าใช้จ่ายในการขจัดคราบน้ำมันของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้าร่วมปฏิบัติการ อีกทั้งความเสียหายของพื้นที่ชายฝั่ง และพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนจัดทำแผนฟื้นฟูสภาพแวดล้อมของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมัน
ทั้งนี้ มีการกำหนดหน่วยงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ ค่าเสียหาย ค่าเสียโอกาส ในพื้นที่ที่เกิดความเสียหายจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น จังหวัด SPRC และช่องทางอื่นๆ ตลอดจนติดตามผลการดำเนินการชดใช้ค่าเสียหาย การฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิม จังหวัดระยองได้ดำเนินการจัดตั้งจุดรับเรื่องราวร้องทุกข์ กรณีพบคราบน้ำมัน ณ บริเวณชายหาด บ้านสบาย สบาย รีสอร์ท ตำบลตะพง อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง โดยมีหน่วยงานที่เข้าร่วมดำเนินการ ได้แก่ ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดระยอง
สำหรับช่องทางในการติดต่อและการแจ้งประสานงานเพิ่มเติม ได้แก่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดระยอง อำเภอเมืองระยอง องค์การบริหารส่วนตำบลตะพง บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธร เมืองระยอง - ศูนย์ประสานงานฯ (กรมเจ้าท่า) แจ้งเหตุ และข้อร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมเจ้าท่า 1199
- ศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดระยอง หมายเลข 038-694007 หรือ สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567
- ศูนย์บริษัท SPRC ตั้งขึ้น ผู้อำนวยการศูนย์ฯ หมายเลข 081-5701987
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี