ตรวจสอบภาพเขียนสีโบราณ ภายในวนอุทยานภูหัน-ภูระงำ แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ ในอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น เบื้องต้นสันนิษฐานว่า มีอายุเก่าแก่ 2,000 – 5,000 ปี โดยขอนแก่น พบมากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อารยา เชาว์เรืองฤทธิ์ คณบดีคณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่นเปิดเผยว่า อาจารย์และนักศึกษา คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์เกียรติศักดิ์ ศรภิรมย์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีธรณี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบภาพเขียนสีโบราณ 2 จุด บริเวณเกิ้งตะขาบ และเกิ้งขาม ซึ่งปรากฏภาพเขียนสีรูปไม้กางเขน ตะขาบ วัวแดง ฝ่ามือ สัญลักษณ์คล้ายแผนที่ แจกัน รูปผู้ชายยื่นดอกไม้ให้ผู้หญิง จั่วบ้าน เป็นต้น โดยภาพที่พบไม่สามารถบอกได้ว่า ในยุคนั้น อยู่ในสังคมเกษตรกรรม หรือสังคมเริ่มแรกของการเร่ร่อน เพราะไม่มีภาพบ่งบอกชัดเจน ทั้งนี้มีทีมร่วมลงพื้นที่สำรวจประกอบด้วย นางพิมพ์กานต์ วงษ์ภูดร หัวหน้าวนอุทยานภูหัน-ภูระงำ นำนักโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น และประชาชนที่สนใจร่วมกันสำรวจ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เกียรติศักดิ์ ศรภิรมย์ กล่าวว่า พื้นที่นี้ส่วนใหญ่อยู่ในหมวดหินโคกกรวด ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มหินโคราช อายุราว 140 ล้านปี หรือเออรี่ครีเทเชียส ซึ่งลักษณะพิเศษคือ หินทรายปนกรวด สังเกตเห็นชั้นหินเฉียงระดับชัดเจน จากหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่า เคยเป็นแม่น้ำโบราณมาก่อน แล้วถูกยกตัวขึ้นมา คาดว่า เป็นช่วงเดียวกันกับปรากฏการณ์ชนกันของอนุทวีปอินเดียและยูเรเซีย เกิดเป็นที่ราบสูงทิเบต เทือกเขาหิมาลัย โดยแรงชนส่งผลถึงภาคอีสานบ้านเรา ทำให้ชั้นหินเกิดการยกตัว เป็นรูปประทุนคว่ำ แล้วเกิดการแตกหัก ผุกร่อน เผยให้เห็นโครงสร้างภายในของชั้นหิน ทำให้เรารู้ว่า เกิดจากการสะสมของตะกอนและการพัดพาของแม่น้ำ โดยหมวดหินโคกกรวดนี้ มักเจอซากฟอสซิลไดโนเสาร์ฝังอยู่ด้วย
ขณะที่ นางกุลวดี สมัครไทยนักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น ระบุว่า ภาพเขียนสีแดงอาจมาจากแร่เฮมาไทด์ แต่อาจต้องพิจารณาสภาพภูมิประเทศ ข้อมูลทางธรณีวิทยาประกอบด้วย ซึ่งอาจมีลูกไม้ที่ให้สี ใช้ร่วมกับยางไม้ที่ให้ความเหนียว ปกติสีที่พบ จะมีขาว แดง เหลือง โดยสีแดงพบมากที่สุดจุดนี้ที่พบเป็นภาพธรรมชาติ จำลองรูปสัตว์ คนและมีภาพนามธรรมด้วย ซึ่งเป็นลักษณะของภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ และอาจจะวัดค่าคาร์บอนจากรังปลวก เพื่อกำหนดอายุแม่นยำยิ่งขึ้น แต่โดยทั่วไปการกำหนดอายุทางโบราณคดี ใช้วิธีการศึกษาเปรียบเทียบก่อน ในกลุ่มภาพเขียนสีด้วยกัน ข้อมูลหลักฐานทางโบราณคดีภาคอีสาน ได้กำหนดอายุประมาณ 2,000-5,000 ปี เบื้องต้นบริเวณโดยรอบ ยังไม่พบเครื่องมือหิน ที่เป็นร่องรอยการเข้ามาใช้พื้นที่ของมนุษย์ จึงน่าจะเป็นพื้นที่ประกอบพิธีกรรม แต่จะให้แน่นอน ต้องมีการสำรวจขุดค้นเพิ่มเติม ส่วนข้อมูลเชิงบริบท ดินแดนแถบนี้อยู่ลุ่มแม่น้ำชี ซึ่งมีฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์จำนวนมาก ใกล้ที่สุด คือ แหล่งโบราณคดีเมืองเพีย อำเภอบ้านไผ่ ซึ่งมีคนอาศัยมาตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องสมัยทวารวดี และล้านช้าง
ทั้งนี้ ขอนแก่นพบภาพเขียนสีโบราณ 28 แหล่ง มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากอุดรธานี 110 แหล่ง และอุบลราชธานี 48 แหล่งตามลำดับ โดยอุดรธานีพบมากในภูพระบาท แต่ขอนแก่นจะมีความหลากหลายในพื้นที่มากกว่า ทั้งภูเวียง ภูผาม่าน ภูเก้า-ภูพานคำ ถ้ำผาสูง ชุมแพ นักโบราณคดี และนักธรณีวิทยา วิเคราะห์ร่วมกันว่า จุดที่พบภาพเขียนสีทั่วไป มักมีความสัมพันธ์กับที่ตั้งศาสนสถานอยู่บนพื้นที่สูง ให้คนพื้นราบสังเกตเห็นได้ ทิศทางเชื่อมโยงกับฤดูกาลทำการเกษตร โดยจุดเลือกเขียนสี มีพื้นผิวเรียบ มีร่มเงา ป้องกันฝนได้ และมีพื้นที่สำหรับการวาด
สำหรับวนอุทยานภูหัน-ภูระงำ มีลักษณะพื้นที่เป็นป่าดิบแล้งเชื่อมป่าเต็งรัง เนื้อที่ 6,240 ไร่ นอกจากภาพเขียนสีโบราณแล้ว ยังพบหินทรายน้อยใหญ่ รูปร่างแปลกตากระจายเต็มพื้นที่ ซึ่งหินทรายที่เป็นประติมากรรมธรรมชาติสร้างสรรค์นี่เอง ที่เป็นจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้โดยรูปทรงต่างๆ ของหินทราย เกิดจากการกัดเซาะโดยกระแสน้ำหรือกระแสลมเป็นเวลานาน ทำให้ตะกอนมีการเรียงตัวเอียงไปตามทิศทางของกระแสน้ำหรือกระแสลม ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอชนบท จังหวัดขอนแก่น ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี