นพ.รัฐพล เตรียมวิชานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะเลขานุการคณะทำงานรับฟังความคิดเห็นสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ สปสช. ลงพื้นที่ ต.คลองลานพัฒนา อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสิทธิบัตรทองในกลุ่มชาติพันธุ์ ประจำปี 2565 เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. 2565 ที่ผ่านมาว่า การรับฟังความคิดเห็นสิทธิบัตรทองที่ ต.คลองลานพัฒนา ในพื้นที่เขต 3 นี้ถือเป็นครั้งแรกของปีงบประมาณ 2565
โดยเป็นการปฏิรูปการจัดกิจกรรมเวทีรับฟัง ที่เน้นในเรื่องความสำคัญหรือเนื้อหาในการรับฟังความคิดเห็น โดยที่ผ่านมาจะมีประมาณ 2,000-3,000 เรื่อง ซึ่งในบางเรื่องอาจเป็นการปรับปรุงการให้บริการภายในพื้นที่ ส่วนบางเรื่องอาจสามารถนำไปพัฒนาเป็นข้อเสนอ เพื่อผลักดันสู่นโยบายหรือพัฒนาเป็นสิทธิประโยชน์ในภาพใหญ่ได้ซึ่งสำหรับความเห็นของตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ในครั้งนี้ ปัญหาหลักส่วนใหญ่คือการเข้าถึงบริการสาธารณสุขที่ยังไม่ทั่วถึง และประเด็นของความเชื่อดั้งเดิมในบางชนเผ่าที่ส่งผลต่อการรับบริการสาธารณสุข
ซึ่งส่วนนี้ต้องไปพัฒนาและออกแบบระบบเพื่อให้ความเข้าใจในการเข้ารับบริการ อีกทั้งข้อเสนอต่างๆ ที่ได้รับมา เช่น การขอให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ให้ครอบคลุมทุกวัย ช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีบัตรประชาชน รวมถึงการสื่อสารระหว่างผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุในชนเผ่า กับผู้ให้บริการ อย่างในกรณีที่ผู้สูงอายุไปรับบริการแต่ไม่มีลูกหลานตามไปด้วย ก็อยากให้อธิบายการรักษา หรือการกินยาให้เข้าใจ
นพ.รัฐพล กล่าวต่อไปว่า ทางคณะทำงานจะรวบรวมประเด็นต่างๆ เหล่านี้เพื่อไปดำเนินการต่อ โดยหลังจากนี้ สปสช. ก็ยังจะสร้างเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ใน อ.คลองลาน ให้มีส่วนร่วมและความเป็นเจ้าของระบบบัตรทองในบทบาทของศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพภาคประชาชน และหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระ จากผู้ถูกร้องเรียนตามมาตรา 50(5) ของพื้นที่ สปสช.เขต 3 นครสวรรค์ต่อไป
“การสร้างเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์เพื่อเข้าถึงระบบบัตรทอง เคยมีมาแล้วในจังหวัดต่างๆ เช่น ชนเผ่ามานิ จ.สตูล ชนเผ่าปกากะญอ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี โดยจุดมุ่งหมายหลักของกระบวนการทั้งหมดนี้ คือทุกคนบนผืนแผ่นดินไทยจะต้องได้รับการดูแล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิคนที่อยู่ห่างไกล รวมถึงความไม่สะดวกและข้อจำกัดเรื่องความเชื่อและวัฒนธรรมซึ่งเราจะต้องทำความเข้าใจ และต้องทำให้ระบบการรักษาพยาบาลมีคุณภาพและมาตรฐานกับทุกคน” นพ.รัฐพล กล่าว
ทั้งนี้ ในวันที่คณะทำงานของ สปสช. นำโดย นพ.รัฐพล เตรียมวิชานนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สปสช., นพ.วงษ์สวัสดิ์ ตันวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 3 นครสวรรค์ ลงพื้นที่ ต.คลองลานพัฒนา อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร เพื่อรับฟังความคิดเห็นในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(บัตรทอง) ในกลุ่มชาติพันธุ์ โดยมีตัวแทนจากกลุ่มชาติพันธุ์ 6 ชนเผ่า รวม 35 คน เข้าให้ความคิดเห็นในประเด็นการเข้าถึงบริการ มาตรฐานบริการ และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลนั้น
นายวิทยา ทัศนไพบูลย์ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลคลองลานพัฒนา เปิดเผยว่า ในพื้นที่ ต.คลองลานพัฒนา มีประชากรประมาณ 20,000 คน โดย 1 ใน 4 หรือราว 5,500 คน เป็น กลุ่มชาติพันธุ์รวม 6 ชนเผ่า ได้แก่ ลีซูหรือ ลีซอ, ม้ง, เมี่ยน (แม้ว), ลัวะ, ปกากะญอ (กะเหรี่ยง) และลาหู่ ซึ่งทั้งหมดมีบัตรประชาชนแล้วประมาณ 98% แต่ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์บางส่วนที่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ ขึ้นต้นด้วยเลข 0 อยู่ประมาณ 40 คนซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการเตรียมทำบัตรประชาชน โดยเมื่อเจ็บป่วยจะสามารถเข้ารับการรักษาได้ฟรีที่โรงพยาบาลส่งเสริมตำบล (รพ.สต.)
อย่างไรก็ตาม แม้กลุ่มชาติพันธุ์จะสามารถเข้ารับบริการการรักษาที่ รพ.สต.ได้ ช่วยให้ได้รับการดูแลด้านสุขภาพดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน แต่ยังมีบางส่วนที่ไม่มีความรู้เรื่องสิทธิการรักษาพยาบาล เพราะไม่ค่อยมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อเข้าถึงข้อมูล รวมถึงไม่กล้าเข้าไปปรึกษากับแพทย์เนื่องจากไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ จึงต้องขอขอบคุณ สปสช. อย่างมากที่ให้ความสำคัญกับกลุ่มชาติพันธุ์ และมาให้ความรู้พร้อมรับฟังข้อเสนอในครั้งนี้
“สำหรับที่ผ่านมา การเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มชาติพันธุ์จะมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งเป็นกลุ่มคนชาติพันธุ์ด้วยกัน คอยดูแลและพาไปรักษาที่ รพ.สต. ซึ่งมีสัดส่วนการดูแลคือ 10-15 หลังคาเรือนต่อ อสม. 1 คน อย่างไรก็ตาม กลุ่มชาติพันธุ์นี้ไม่ได้อยู่รวมกันทั้ง 6 ชนเผ่า ดังนั้น แต่ละเผ่าก็จะมีสัดส่วน อสม. ตามแต่ละพื้นที่การอยู่อาศัย ฉะนั้นการที่ให้ตัวแทนของแต่ละกลุ่มได้มาบอกกล่าวถึงข้อเสนอหรือปัญหา และทาง สปสช. ก็ให้ความรู้เพื่อให้เขาได้ไปสื่อสารต่อในชนเผ่า ก็จะทำให้เข้าถึงบริการที่ทั่วถึงมากขึ้น”นายวิทยา ระบุ
นายวิทยา ยังกล่าวอีกว่า มีเสียงสะท้อนจาก อสม. ให้ข้อมูลเรื่องกลุ่มชาติพันธุ์มีความเชื่อเกี่ยวกับความเจ็บป่วยแบบหนึ่ง ซึ่งทำให้เขาตัดสินใจไม่รักษารวมถึงวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่าก็เป็นอุปสรรคในการทำความเข้าใจด้วย เช่นบางชนเผ่าผู้หญิงจะมีสถานะรอง การที่ อสม.เป็นผู้หญิงเข้าไปความเข้าใจกลุ่มที่เป็นผู้ชายก็จะไม่ค่อยเปิดรับ หรือบางชนเผ่าจะให้น้ำหนักกับความอาวุโสต่อความน่าเชื่อถือ ฉะนั้นการรับรู้ปัญหา รวมถึงนำข้อเสนอของทางพี่น้องชาติพันธุ์ไปพิจารณาเพื่อพัฒนาระบบบริการที่ดีขึ้นของ สปสช. จึงถือเป็นโอกาสอันดีของพื้นที่นี้
สำหรับการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าวเป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติพ.ศ.2545 มาตรา 18 (10) และมาตรา 18 (13) ที่กำหนดให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กำหนดหลักเกณฑ์รวมถึงจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้ให้บริการและผู้รับบริการเป็นประจำทุกปี เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพ และมาตรฐานบริการสาธารณสุข!!!
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี