สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) สนับสนุนทุนงานวิจัยแก้ปัญหาภัยแล้งต้านภัยธรรมชาติ จากผลงาน เรื่อง “ธนาคารน้ำใต้ดิน นวัตกรรมการแก้ปัญหาภัยแล้งทางการเกษตรของ อบต.ถ้ำสิงห์ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร”
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2565 วช. ได้ลงพื้นที่ชุมชนต.ถ้ำสิงห์ เพื่อฟังบรรยาย สรุปโครงการวิจัย เรื่อง “ธนาคารน้ำใต้ดิน นวัตกรรมการแก้ปัญหาภัยแล้งทางการเกษตรขององค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำสิงห์ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร” พร้อมเยี่ยมชมโครงการวิจัยธนาคารน้ำใต้ดิน โดยมีวิทยากรประกอบด้วย ดร.พระครูวินัยธร วรรณไชยสิริวณฺโณ มูลนิธิหลวงปู่สงฆ์จันทสโรเพื่อการวิจัย หัวหน้าโครงการ ดร.พรนค์พิเชฐ แห่งหน นักวิจัย นายนิคม ศิลปะศร ประธานกลุ่มธนาคารน้ำใต้ดินตำบลถ้ำสิงห์ และนายโภคิน เกิดศรี ตัวแทนชาวบ้าน ณ ศูนย์เรียนรู้ธนาคารน้ำใต้ดิน ต.ถ้ำสิงห์ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มกาแฟบ้านถ้ำสิงห์ จ.ชุมพร
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำในทุกฤดูแล้งและนำไปสู่ความขัดแย้งเรื่องการแย่งชิงน้ำ วช. จึงเล็งเห็นถึงปัญหาและพร้อมให้ความสนับสนุนการดำเนินงานให้กับทีมนักวิจัยมูลนิธิหลวงปู่สงฆ์จันทสโร ตามโครงการ “ธนาคารน้ำใต้ดิน นวัตกรรมการแก้ปัญหาภัยแล้งทางการเกษตรขององค์การบริหารส่วนตำบลถ้ำสิงห์ อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร” เพื่อนำความรู้ด้านวิชาการและเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาช่วยให้ชาวบ้านมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนับเป็นตัวอย่างของการบูรณาการความรู้ทางด้านวิชาการและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สามารถบริหารการจัดการน้ำได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ดร.พระครูวินัยธร วรรณไชย สิริวณฺโณ มูลนิธิหลวงปู่สงฆ์จันทสโร เพื่อการวิจัย เปิดเผยว่า บริเวณพื้นที่ อบต.ถ้ำสิงห์ มีสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบสูงส่วนมากเป็นพื้นที่ภูเขา ดินเป็นดินเหนียวสีแดง เหมาะทำการเกษตร จึงมีการทำสวนกันเป็นส่วนใหญ่ เช่น ทุเรียน, เงาะ, ลองกอง, กาแฟ, ปาล์มน้ำมันและยางพารา เป็นต้น โดยเฉพาะทุเรียนของที่นี่ขึ้นชื่อระดับประเทศ สวนทุเรียนต้องใช้น้ำเยอะช่วงแล้งมีปัญหาขาดแคลนน้ำทุกปี ธนาคารน้ำใต้ดิน จึงเป็นทางออกโดยนำน้ำไปเก็บไว้ที่ชั้นใต้ดิน เสมือนเป็นการฝากน้ำเอาไว้กับดิน แล้วค่อยนำเอากลับมาใช้ (ถอน) เมื่อถึงคราวจำเป็นต้องใช้น้ำ
ดร.พรนค์พิเชฐ แห่งหน นักวิจัย กล่าวว่า ในช่วงฤดูฝนที่มวลน้ำมีจำนวนมากแทนที่จะปล่อยให้น้ำไหลทิ้งไปตามธรรมชาติ โครงการนี้ช่วยกักเก็บน้ำเหมือนกับการฝากน้ำไว้กับดิน ตามหลักการ
“ศาสตร์พระราชาการเติมน้ำใต้ดิน” ธนาคารน้ำจึงเป็นแก้มลิงที่มองไม่เห็น โดยหลักการการทำงานของ นวัตกรรมธนาคารน้ำใต้ดิน แบ่งเป็น 2 ระบบ คือ 1.ธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด เป็นการเติมน้ำลงในแอ่งน้ำโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ บ่อขุด หรือแอ่งน้ำธรรมชาติ โดยขุดทำสะดือ 3 จุด คือ บริเวณหัว ท้าย และตรงกลางแอ่งน้ำ โดยขุดให้พ้นชั้นดินเหนียวก็จะถึงชั้นหินอุ้มน้ำประมาณ 7-12 เมตร เปิดขอบแอ่งน้ำให้เส้นทางน้ำไหลลงมาเติมได้ทุกทิศทาง แม้น้ำมากเท่าใดก็จะไม่ล้นขอบบ่อ น้ำจะถูกนำไปกระจายเก็บไว้ในชั้นหินอุ้มน้ำ และเมื่อถึงช่วงหน้าแล้ง น้ำจากชั้นหินอุ้มน้ำจะเอ่อล้นออกมาชดเชยปริมาณน้ำในแอ่งน้ำที่แห้งลงไป ทำให้มีปริมาณน้ำใช้ได้ตลอดทั้งปี และ 2.ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด เป็นการเติมน้ำลงใต้ดินในลักษณะของบ่อซับน้ำ โดยการขุดหลุมเป็นรูปสี่เหลี่ยม/วงกลม ขนาด กว้าง xยาว x ลึก ตามความเหมาะสมของพื้นที่ แล้วขุดสะดือหลุมให้ลึกลงไปอีก 30 ซม. เพื่อใช้สำหรับตั้งท่อพีวีซี ขนาด 1.5-2 นิ้ว ให้อากาศที่ก้นบ่อสามารถระบายขึ้นมาได้ จากนั้นใส่หินเขื่อนขนาดใหญ่ที่ชั้นล่างสุด แล้วใส่หินเขื่อนขนาดกลางหรือเศษวัสดุ เช่น เศษอิฐ เศษกระเบื้องขวดแก้ว ในชั้นตรงกลาง จากนั้นใส่หินเขื่อนขนาดเล็กเอาไว้ชั้นบนปลายท่อด้านบนควรใส่ท่อขวางไว้เพื่อป้องกันเศษวัสดุตกลงไปอุดตัน หินเขื่อน เป็นหินก้อนขนาดใหญ่ ตั้งแต่ 3–15 นิ้ว
นายนิคม ศิลปะศร ประธานกลุ่มธนาคารน้ำใต้ดินฯ กล่าวว่า การนำน้ำไปฝากไว้ใต้ดินพบว่าช่วยลดปริมาณน้ำท่วม และมีน้ำกักเก็บไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งเพิ่มประสิทธิภาพในพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งนายโภคิน เกิดศรี ชาวบ้านชุมชนต.ถ้ำสิงห์พร้อมที่จะเป็นต้นแบบเผยแพร่แก่ชุมชนในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ทั้งนี้ “ธนาคารน้ำใต้ดิน” เป็นแนวทางหนึ่งในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจรแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง บำบัดน้ำเสีย ส่งเสริมการอนุรักษ์ดิน สมดังคำว่า“น้ำคือชีวิต” ตามรอยศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนและมั่นคง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี