‘รองฯรอย’ทดสอบระบบ‘ศูนย์ป้องกันเหตุ ศปป.ตร.’ใช้เทคโนโลยี 5G-เชื่อมโยงข้อมูล Real Time บริหารเหตุวิกฤต
23 มิถุนายน 2565 ที่อาคาร 1 ชั้น 7 ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปป.ตร.) พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ ผอ.ศปป.ตร. , พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผบช.รร.นรต. และผู้ช่วย ผอ.ศปป.ตร. , พ.ต.อ ผดุงศักดิ์ รักษาสุข รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี ผู้ควบคุม ศปป.ตร. ร่วมประชุมติดตามการทดลองการใช้ระบบต่างๆของศูนย์ฯ
พล.ต.อ.รอย กล่าวว่า ศูนย์บริหารงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปป.ตร.) จัดตั้งขึ้นตามนโยบาย ของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อให้เป็น “ศูนย์ควบคุมและบริหารงาน” ป้องกันปราบปรามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันกับสถานการณ์ มีการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล สถิติ เพื่อนำไปวิเคราะห์และพัฒนางานป้องกันปราบปราม ตลอดจนเป็นศูนย์กลางในการเฝ้าติดตามการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันปราบปราม สามารถเชื่อมต่อสัญญาณภาพสดในขณะปฏิบัติหน้าที่ จากกล้องประจำตัวเจ้าหน้าที่สายตรวจ , กล้องติดรถยนต์สายตรวจ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ รวมถึงกล้อง CCTV ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ติดตั้งไว้ในหัวเมืองสำคัญ พื้นที่แหล่งท่องเที่ยว รวมถึงจุดล่อแหลมต่างๆทั่วประเทศ มายัง ศปป.ตร.
นอกจากนี้สามารถเฝ้าระวังเหตุ และบริหาร จุดตรวจ จุดสกัด ไม่ให้ซ้ำซ้อน และปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากเกิดเหตุวิกฤตด้านอาชญากรรม ศปป.ตร. สามารถยกระดับการปฏิบัติเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารสถานการณ์ให้กับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถบริหารจัดการแก้ไขเหตุวิกฤตนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้มาสังเกตการณ์ พร้อมให้คำแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการปฏิบัติและนำเทคโนโลยีส่วนขยายมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานและยังได้รับชมการสาธิตการปฏิบัติระหว่าง ศปป.ตร. กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ปฏิบัติการจริง โดยใช้ยุทธวิธีตำรวจสายป้องกันปราบปรามที่ได้รับการฝึกมาแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.ธัชชัย ในฐานะ ผู้ช่วย ผอ.ศปป.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สนับสนุนกล้อวงจรปิดไปติดด่านทุกที่ทั่วประเทศนำร่องในเมืองใหญ่เพื่อสร้างโปร่งใสและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตำรวจ และเชื่อมกล้องวงจรปิดมาที่ศูนย์ ศปป.ตร.โดยวันนี้ พล.ต.อ.รอย อิงคโพโรจน์ รองผบ.ตร.ได้มาตรวจความพร้อมและทดสอบท้องที่ สน.สำราญราษฎร์กับ สน.บางรัก เพื่อให้ทราบว่าผลการปฎิบัติจริงๆเป็นอย่างไร โดยใช้กล้องในการผสมผสานกัน ซึ่งแต่ละด่านจะมีกล้อง 4 ตัว เพราะแบ่งพื้นที่ 5 ส่วน ส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือ วิทยุดิจิตอล ใช้ติดหน้าอกสายตรวจ เพื่อถ่ายทอดเข้ามาที่ ศปป.ตร.ทำให้เห็นเวลาที่สายตรวจเคลื่อนไปที่ต่างๆเพื่อให้เกิดความโปร่งใสในการทำงาน และตำรวจสามารถนำข้อมูลมาบริหารจัดการได้ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติ และเวลาประชาชนเข้ามาที่ด่านก็จะเกิดความอุ่นใจ ว่ามีการตรวจสอบติดตามตลอดเวลา และเป็นการเซฟเจ้าหน้าที่ปฏิบัติด้วย เวลามีเหตุอะไรสามารถประเมินสถานการณ์ได้ส่งกำลังเข้าไปช่วยได้
สำหรับการทดลองนำร่องมี พ.ต.อ ผดุงศักดิ์ รักษาสุข รอง ผบก.ภ.จว.จันทบุรี เป็นผู้ควบคุม ศปป.ตร. เป็นหัวหน้าผู้ควบคุมการปฏิบัติ พบว่า ทั้ง 164 ด่านสถานี ในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ยังไม่พบว่ามีปัญหาอะไร สามารถส่งภาพกลับมาได้ทำให้การประเมินสถานการณ์ต่างๆในพื้นที่ดีขึ้น ได้เห็นภาพเกิดความโปร่งใสประชาชนเกิดความอุ่นใจ
พล.ต.ท.ธัชชัย ย้ำว่าโครงการดังกล่าวประชาชนจะเกิดความอุ่นใจและเห็นว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง รวมทั้งการมีกล้องวงจรปิดสามารถทำให้ควบคุมการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ได้อย่างใกล้ชิดโปร่งใส กรณีการเกิดเหตุต่างๆการสกัดจับคนร้ายจะทำให้เพิ่มขีดความสามารถของตำรวจสามารถดูแลประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพเรื่องของอาชญากรรม
ด้าน พ.ต.อ ผดุงศักดิ์ ผู้ควบคุม ศปป.ตร. กล่าวว่าการทดสอบระบบสัญญาณภาพต่างๆวันนี้ออกมาสมบูรณ์ใช้การได้ การเชื่อมต่อภาพจาก 3ระบบ ทั้งจากกล้องวงจรปิดมีความชัดเจน และสามารถเชื่อมวิทยุดิจิตอลเข้ามาได้ และภาพจากหน้ารถยนต์สายตรวจเข้ามาที่ศูนย์ได้ ส่วนจุดตรวจด่านต่างๆทาง ตร.ได้โฟกัสนำร่องแจกกล้องไปแล้ว 164 สถานีที่เป็น สภ.เมือง และนครบาล โดยจะมีการขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศในเร็วๆนี้
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี