เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักวิชาการที่ศึกษาประเด็นการพนันและสลากกินแบ่งรัฐบาลมายาวนาน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวกรณีผู้ค้าสลากรายย่อยได้รับผลกระทบจากนโยบายขายสลากผ่านระบบออนไลน์ หรือสลากดิจิทัล แม้จะมีสลากในระบบนี้ร้อยละ 5 หรือ 5 ล้านใบว่า ในประเด็นที่ผู้ค้าสลากรายย่อยแบบดั้งเดิมมีผู้ซื้อน้อยลง อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้น ทำให้คนซื้อสลากน้อยลง เพราะต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นก่อน
แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นการเรียนรู้ของผู้ซื้อด้วย ที่ได้ซื้อสลากในราคาใบละ 80 บาท ไม่ต้องซื้อในราคาแพงอย่างที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีโอกาสถูกรางวัลไม่แตกต่างจากการซื้อสลากแบบดั้งเดิม แถมยังสะดวกรวดเร็วในการซื้อ แม้กระทั่งจะซื้อเลขชุดหลายใบก็ยังทำได้ ดังนั้นผู้ค้าสลากแบบดั้งเดิมย่อมได้รับผลกระทบบ้าง อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่า ราคาสลากคือ 80 บาท และการขายเกินราคาถือเป็นสิ่งผิดปกติ
“ก็น่าเห็นใจ เพราะผู้ขายสลากรายย่อยจำนวนมากไม่ได้มีโควตาเอง แต่อันนี้มันก็ต้องปรับกันไป ปรับในเชิงของโครงสร้างก็ต้องไป เพราะว่า ต้องถามว่า สิ่งที่ถูกมันคืออะไร ก็คือ 80 บาท แล้วทำอย่างไรที่ถ้าเขาประสงค์จะขายก็จะต้องเป็นผู้ที่ได้โควตา ที่ผ่านมาการจำหน่ายสลากมันก็มีโควตาประเภทถูกจ้างมาลงทะเบียน หรือคนที่มีโควตาแล้วไม่มีคนจำหน่าย มีหลายอย่างที่อยู่ในนี้ แต่เข้าใจว่า คนที่เข้ามาอยู่ในฝากร้านใน 5 ล้านฉบับตามที่เห็นนี้ ท่านอธิบดีที่เป็นประธานสำนักงานสลาก ก็ว่า เป็นคนจน เป็นคนที่เปราะบางหรืออะไรทั้งหลาย” รศ.ดร.นวลน้อย กล่าว
รศ.ดร.นวลน้อย กล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอแนะว่า ควรทบทวนโครงสร้างโควตาสลากทั้งหมดที่มีในปัจจุบัน โดยเฉพาะโควตาที่ให้กับนิติบุคคลหรือองค์กรต่างๆ เพื่อนำมาเพิ่มในสัดส่วนผู้ค้าที่เป็นบุคคลทั่วไป ซึ่งจะทำให้คนระดับฐานรากมีโอกาสทางอาชีพเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ตนเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะการได้รับโควตาสลากไปแต่ไม่มีผู้จำหน่ายเป็นสิ่งที่ไม่ควร อีกทั้งบริบททางเศรษฐกิจและสังคมได้เปลี่ยนไปจากเดิม ถึงขั้นที่ปัจจุบันสามารถฝากร้านจำหน่ายสลากทางออนไลน์ได้แล้ว
ดังนั้น จึงควรค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนสลากดิจิทัลให้มากขึ้น พร้อมไปกับการผลักดันผู้ค้าโดยเน้นที่กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ให้เข้าสู่ระบบ ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ยังสามารถหางานทำได้ ควรส่งเสริมอาชีพอื่นจะดีกว่า ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยก็ยังขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีล่าสุด พบมีผู้เข้าสู่อาชีพขายสลากกินแบ่งรัฐบาลมากขึ้น จากในอดีตมีเพียงหลักหมื่นคนแต่ทุกวันนี้เพิ่มเป็นหลักแสนคน แม้กระทั่งคนหนุ่ม-สาว อายุ 20 กว่าๆ ก็เริ่มเห็นมาขายสลากกันแล้ว
ขณะที่ข้อเสนอว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ควรพิมพ์สลากเพิ่มเพื่อให้ผู้ค้ารายย่อยมีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น เรื่องนี้ตนไม่เห็นด้วย เพราะจะกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยที่เป็นกลุ่มเปราะบาง คนกลุ่มนี้อาจขายได้น้อยลงจนมีรายได้ไม่พอยังชีพ จากนั้นจะนำไปสู่การที่รัฐต้องเจียดเงินส่วนแบ่งรายได้ไปช่วยเหลือ ซึ่งแทนที่เม็ดเงินส่วนนี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น อีกทั้งอาจนำไปสู่นโยบายกระตุ้นให้ผู้คนซื้อสลาก ทั้งที่สลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ใช่สินค้าจำเป็น และเป็นสินค้าที่มีวรจรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่สั้นมาก ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรแก่สังคมมากนัก
รศ.ดร.นวลน้อย ยังกล่าวอีกว่า ส่วนข้อกังวลเรื่องการรื้อโควตาสลากแล้วมาจัดสรรกันใหม่ จะทำให้นิติบุคคลประเภทองค์กรการกุศลได้รับผลกระทบ ตนเห็นว่า สามารถพิจารณาเป็นประเภทได้ เช่น หากเป็นองค์กรที่ดูแลผู้พิการ ก็สามารถสนับสนุนให้เข้าสู่ระบบสลากดิจิทัล เพราะระบบที่ใช้อยู่คือระบบฝากขาย เจ้าของสลากยังเป็นผู้ค้ารายย่อยไม่ใช่รายใหญ่ ที่แต่ละคนจะได้โควตาสลากคนละ 5 เล่ม ก็จะสามารถช่วยเหลือผู้ค้าได้ เพราะอยาก 5 ล้านใบที่ขายในระบบสลากดิจิทัลปัจจุบัน เจ้าของที่เป็นผู้ค้ารายย่อยก็ยังอยู่ เปรียบเสมือนการมีร้านของตนเอง
ส่วนองค์กรอื่นๆ ที่ปัจจุบันได้รับงบประมาณหรือมีแหล่งรายได้ทางอื่น ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับโควตาสลากอีกต่อไป ทั้งนี้ หากย้อนไปดูการออกสลากครั้งแรก เป้าหมายหลักคือ การระดมทุนในสังคม เรื่องการกุศล ซึ่งในหลายประเทศเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากจะถูกนำไปจัดสรรเป็นเงินทางด้านช่วยเหลือสังคมทั้งสิ้น ในขณะที่ประเทศไทยเป็นส่วนแบ่งรัฐบาลซึ่งยังผ่านเข้าสู่ระบบงบประมาณ ยังไม่มีเป้าหมายเฉพาะว่า เป็นเรื่องทางสังคม
“ในเรื่องของคนขายที่ผ่านมามีองค์กรการกุศลเข้ามาด้วยจุดมุ่งหมายทางสังคม เพราะฉะนั้นถ้าเราทำอันนี้ แก้ปัญหาเรื่อง 80 บาท เรายังยึดเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือสังคมด้วย อะไรทั้งหลายต้องเน้นคนที่ต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด กลุ่มเปราะบาง กลุ่มอะไรทั้งหลายเหล่านี้ มันก็จะทำให้สลากบรรลุเป้าหมายของการมีสลาก” รศ.ดร.นวลน้อย กล่าวทิ้งท้าย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง ... คนขายลอตเตอรี่โอด หลังกองสลากเพิ่มสลากดิจิทัลเป็น 7.1 ล้านใบ ทำเหลือเต็มแผง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี