ผวากทม.น้ำท่วม
นายกฯสั่งตั้งเครื่องสูบน้ำ 14 จุด
ลำปางอ่วมบ้าน 300 หลังจม
พิษณุโลกอพยพ 20 ครัวเรือน
แม่ฮ่องสอนจับตาน้ำปายล้นตลิ่ง
นายกฯ-มท.1 สั่งปภ.รับมือสถานการณ์น้ำ ตั้งเครื่องสูบน้ำ 14 จุดเสี่ยง ใน กทม.ส่วน ปภ.แจงเกิดอุทกภัย 10 จังหวัด มีวาตภัยที่สงขลา เร่งช่วยเหลือผู้ประสบเหตุด้านอุตุฯชี้ทั่วไทยยังมีฝน ขณะที่ จ.ลำปาง น้ำท่วมหน 2 ส่วน “พิษณุโลก’อพยพแล้ว20หลังคาเรือน ‘แม่ฮ่องสอน’เฝ้าระวัง’น้ำปาย’เพิ่มสูงต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทยได้รับผลกระทบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สนับสนุนเครื่องสูบน้ำขับด้วยเครื่องยนต์ดีเซลติดตั้งบนเทรลเลอร์ลากจูงพร้อมอุปกรณ์ ขนาดท่อส่ง 14 นิ้ว อัตราสูบ 28,000 ลิตร/นาที ให้สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร ติดตั้งตามเขตต่างๆ ในพื้นที่ กทม.18 เครื่อง 14 จุดสำคัญที่มีความเสี่ยงน้ำท่วมขัง เพื่อเร่งระบายน้ำ
นายธนกร เปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนติดตามการแจ้งเตือนจากส่วนราชการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ขอให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกำชับเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะส่วนท้องถิ่นให้ทำงานเชิงรุก เตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุ เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ อย่าปล่อยให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดขอให้สนับสนุนการทำงานของท้องถิ่นอย่างบูรณาการ สำหรับกองทัพ ขอให้เตรียมกำลังพล พร้อมยุทโธปกรณ์ ออกให้ความช่วยเหลือประชาชนรวมทั้งให้การสนับสนุนการปฏิบัติงานต่างๆ ตามคำร้องขอ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ด้าน ปภ.ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น ทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ เลย มหาสารคาม ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด รวม 19 อำเภอ 37 ตำบล 98 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 362 ครัวเรือน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ส่วนเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดวาตภัยใน อ.เทพา และ อ.สิงหนคร จ.สงขลา รวม 4 ตำบล บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 74 หลัง ไม่มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและสำรวจความเสียหาย เพื่อช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ ‘ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามัน’ฉบับที่ 8 ว่าร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทย เข้าสู่พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่ง
วันเดียวกัน ที่ จ.ลำปาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังน้ำป่าได้หลากท่วมพื้นที่ อ.ห้างฉัตร ส่งผลให้วัด โรงเรียน และบ้านเรือนกว่า 300 หลังคาเรือนในพื้นที่หมู่ 6 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร ได้รับผลกระทบ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีฝนตกต่อเนื่อง บนยอดเขาในเขตอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล วัดปริมาณได้ 100 มิลลิเมตร ทำให้น้ำในลำน้ำแม่ตาล เพิ่มสูง ซึ่งน้ำที่ไหลท่วมนับเป็นครั้งที่ 2 แล้วในห้วงฤดูฝนปีนี้
ทั้งนี้ บริเวณหน้าวัดบ้านจำทรายมูล หมู่บ้านจำ น้ำป่าได้ไหลท่วมถนนเลี่ยงเมืองลำปาง เส้นทางวัดพระธาตุลำปางหลวง–อ.เกาะคา–อ.ห้างฉัตร ซึ่งเป็นเส้นทางที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องใช้สัญจรไปยัง จ.ลำพูน และเชียงใหม่ ความสูงประมาณ 1 เมตร ทางเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ และฝ่ายปกครอง ต้องแจ้งเตือนรถยนต์และจักรยานยนต์ห้ามใช้เส้นทางดังกล่าว โดยให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นแทน
ส่วนที่ จ.พิษณุโลก หลังจากฝนตกหนักหลายวัน ทำให้น้ำจากเทือกเขาเพชรบูรณ์หลากเข้าท่วมพื้นที่ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก โดยน้ำในคลองชมพู สูงกว่า 7.8 เมตร สูงกว่าจุดวิกฤต 80 เซนติเมตร ซึ่งนายไสว เจริญศรี นายอำเภอเนินมะปราง พร้อมคณะ และผู้นำท้องถิ่น ต้องช่วยอพยพชาวบ้าน20 ครัวเรือน 35 คน ไปอยู่ที่ศาลาการเปรียญวัดบ้านชมพู เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่ามวลน้ำจะหลากลงสู่พื้นที่ต่ำที่บ้านปลวกง่าม อ.เนินมะปราง ต่อไป ทางอำเภอเนินมะปราง จึงประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวให้ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นที่สูงและอพยพหากเกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้น เพื่อความปลอดภัย
ด้านนายเอนก ปันทะยม นายอำเภอปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า น้ำป่าได้หลากท่วมพื้นที่บ้านสบป่อง หมู่ 1 มีน้ำท่วมทางหลวงหมายเลข 1095 ได้แก่ สะพานริมน้ำลาง ชุมชนบ้านสบป่อง นอกจากนี้น้ำยังเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรบางส่วน และพื้นที่บ้านหนองตอง หมู่ 7 น้ำได้เอ่อล้นถนนภายในหมู่บ้าน ทำให้ถนนชำรุดเสียหายบางจุด อย่างไรก็ดี ได้จัดเจ้าหน้าที่ เข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขต่อไป
ขณะเดียวกัน ที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน นายสุรเพชร สิทธิเพชร กำนัน ต.ป่าขาม อ.ปาย กล่าวว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำปาย ที่ไหลผ่านแหล่งท่องเที่ยว ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก จึงประกาศเตือนให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้ได้แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการรีสอร์ทและเกสต์เฮ้าส์ ริมแม่น้ำดังกล่าวด้วย พร้อมกับร่วมกับหน่วยทหาร ซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเกี่ยวกับน้ำป่าไหลหลากและการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น
นายไมตรี นวนจา ผู้ใหญ่บ้านแม่เย็น หมู่ 1 ต.แม่ฮี้ อ.ปาย เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในแม่น้ำปายเริ่มน่าวิตก หลักจากน้ำจากพื้นที่ ต.แม่นาเติง ไหลบ่าเข้ามาสมทบกับแม่น้ำปาย ส่งผลให้สะพานที่เชื่อมระหว่างบ้านแม่เย็นและบ้านป่าขาม ถูกตัดขาด ขณะนี้ได้แจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการเกสต์เฮ้าส์และรีสอร์ทในพื้นที่ ให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมเป็นการเร่งด่วนแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี