วิจารณ์แซ่ดกรมชลทำพิลึก-ผุดโครงการใหม่แก้ปัญหาชาวบ้านร้องเรียนอีไอเอโครงการผันยวมขาดการมีส่วนร่วม “หาญณรงค์จี้ตอบให้ชัด-แนะ สตง.ตรวจความโปร่งใส
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2565 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอสมเมย อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน มีการจัดประชุมปัจฉิม นิเทศ โครงการศึกษาสร้างการรับรู้ภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดตาก โดยกรมชลประทาน และมหาวิทยาลัยนเรศวร (หน่วยวิจัยและพัฒนาบูรณาการเกษตรและสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม) โดยมีผู้นำชุมชนในพื้นที่เข้าร่วมจำนวนหนึ่ง จาก อ.สบเมย อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน และ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก
ในช่วงท้ายของการประชุมมีการลงนามบันทึกการร้องขอการพัฒนาแหล่งน้ำภายใต้การสร้างความมั่นคงด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของภาคีขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชนในพื้นที่จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก และลำพูน โดยระบุถึงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำผากาน อ่างเก็บน้ำแม่คะตวน และอ่างเก็บน้ำแม่ปาน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และในเอกสารระบุชื่อผู้ลงนาม ได้แก่นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรรัตน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลและกำนัน ต.แม่สวด ต.สบเมย และต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และ ดร.ไพฑูรย์ ตรงเที่ยง มหาวิทยาลัยนเรศวร อย่างไรก็ตามระหว่างการลงนามมีผู้ที่ปฏิเสธไม่ลงชื่อ เช่น นายยอดชาย พรพงไพร นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สวด อ.สบเมย เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเอกสารอาจถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์อื่นหรือไม่
นายยอดชาย กล่าวว่า ไปเข้าร่วมแต่เหมือนเป็นเรื่องโครงการผันน้ำยวมที่เปลี่ยนชื่อ ตนได้ถามในเวทีว่าใช่หรือไม่ หากใช่เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ตนได้บอกว่าโครงการย่อยต่างๆ ที่ระบุนี้จะมีงบประมาณให้จริงหรือไม่ หากเป็นโครงการผันน้ำยวมผลกระทบจะเกิดกับชุมชนแน่นอน ประชุมแล้วอยู่ๆ เอาเอกสารมาให้เซ็นตนเห็นแล้วไม่เซ็นเพราะไม่เหมาะสม
นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ กล่าวว่า หัวเรื่องโครงการระบุว่ามีการมีส่วนร่วมของประชาชนและเรื่องการจัดการน้ำในหลายจังหวัดภาคเหนือ แต่เป็นโครงการที่แปลกรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เขื่อนภูมิพล แนวส่งน้ำยวม (โครงการผันน้ำยวม) ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ได้ระบุคำถามเรื่องการมีส่วนร่วม ต่อมากรมชลประทานก็มีโครงการนี้ขึ้นมา จึงสงสัยว่าเป็นการจ้างที่ปรึกษา คือมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้ทำโครงการเพื่อตอบโจทย์คำถามของ คชก. หรือไม่ ขณะนี้เกิดข้อสงสัยกันอย่างกว้างขวางว่าคืออะไร
นายหาญณรงค์ กล่าวว่า ประชาชนมีข้อสงสัยว่าโครงการนี้ เกี่ยวข้องกับโครงการผันน้ำยวมหรือไม่ แต่ก็ไม่มีคำตอบจากกรมชลประทาน น่าสงสัยที่ไม่ได้ไปที่อื่นๆ ใน 4 จังหวัด นอกพื้นที่ในแนวโครงการผันน้ำยวม ทั้ง 3 เวทีที่ไปจัดล้วนเกี่ยวกับโครงการผันน้ำยวม ทั้ง อ.ฮอด อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และที่สบเมยในวันนี้ ทำไมชลประทานไม่พูดคว่ามจริงว่านี่คืออะไร เป็นการสร้างความสับสน และเป็นการทำให้โครงการถูกต้องตามข้อสงสัยของคชก.ให้เร็วที่สุด แต่เกิดความระแวงที่เพิ่มทวีคูณ
“ไม่เคยเห็นที่ไหนประชุมแล้วมาลงนาม MOU แบบนี้มาก่อน เป็นเรื่องไม่ปกติอย่างยิ่ง ที่ผานมาการขุดลอกตะกอนต่างๆ ก็ไม่เคยเห็นต้องลงนาม MOU แบบนี้ ชลประทานที่จ้างที่ปรึกษามาทำแบบนี้โปร่งใสหรือไม่ สตง.(สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน)ควรเข้ามาตรวจสอบในทันที คณะกรรมาธิการสภาฯควรตรวจสอบบทบาทของกรมชลประทาน”นายหาญณรงค์ กล่าว
นายหาญณรงค์ กล่าวว่า อยากได้รับคำตอบชัดๆ ว่าเกี่ยวข้องกับโครงการผันน้ำยวมใช่หรือไม่ จริงๆ แล้วเรื่องน้ำเป็นบทบาทของ สทนช. แต่กรมชลประทานกลับพยายามหาโครงการมาในพื้นที่ การจ้างที่ปรึกษาย่อมไม่ใช่บทบาทของกรมชลประทาน ควรบอกให้ตรงประเด็นเลยว่าเป้าหมายคือจะนำไปใช้อย่างไรกันแน่
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ชาวบ้านหลายหมู่บ้านโดยเฉพาะหมู่บ้านแม่งูด อ.ฮอด จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นปากอุโมงค์ผันน้ำจากโครงการผันน้ำยวม ได้ทำประชาคมหมู่บ้านและมีมติไม่เห็นด้วยกับโครงการเพราะส่งผลกระทบกับชาวบ้านจำนวนมาก และชาวบ้านได้ประกาศห้ามกรมชลประทานเข้าพื้นที่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี