เปิดประวัติ‘บิ๊กเด่น-พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์’ มือปราบยา-แว้น-แก๊งคอลฯ’ สู่ผู้นำสีกากี ว่าที่ ‘ผบ.ตร.’ คนที่13
29 สิงหาคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ “ก.ต.ช.” โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะ ก.ต.ช. เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีด้วยกัน 5 วาระ รวมทั้งวาระเลือก รอง ผบ.ตร. ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แทน พล.ต.อ.สุวัฒน์ ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน นี้ โดยที่ประชุมมีมติ 6-0 แต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็น ผบ.ตร.คนที่ 13 “ลัคกี้นัมเบอร์’ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วนที่สุด!‘ดำรงศักดิ์’ผงาด ก.ต.ช.แต่งตั้งเป็น‘ผบ.ตร.’คนที่ 13)
สำหรับประวัติ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ว่าที่ ผบ.ตร. คนที่ 13 ที่เตรียมรับมอบหน้าที่ต่อจาก “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่จะเกษียณอายุราชการปลายเดือน ก.ย. นี้
ประวัติทางการศึกษา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 22 เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 จบปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ จาก City University ประเทศสหรัฐอเมริกา , หลักสูตรการควบคุมฝูงชน ของ Tacoma Police Department ประเทศสหรัฐอเมริกา และ หลักสูตร Pacific Training Initiative (PTI) ของ F.B.I
เริ่มรับราชการครั้งแรกเมื่อปี 2528 ตำแหน่ง รอง สวส.สน.พลับพลาไชย เขต 2 ดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ รอง ผกก.ป.สน.บางรัก , ผกก.สน.คลองตัน เคยได้รับรางวัลต่างๆ อาทิ ป้องกันยาเสพติดดีเด่นของ ตร. , พัฒนาสถานีตำรวจเพื่อประชาชน อันดับ 1 และรางวัลชุดปฏิบัติการชุมชนสัมพันธ์ดีเด่นของ บช.น. 3 ปีซ้อน ก่อนเลื่อนขึ้นเป็น รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) , รองผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (อคฝ.) ต่อมาได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้เลื่อนขึ้นเป็น ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ดูแลงานภูธร ก่อนมีคำสั่งให้กลับเข้ามาดูแลงานสำคัญในพื้นที่กรุงเทพตอนเหนือ ในตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2
ต่อมาย้ายไปดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพะเยา และเลื่อนเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
จากนั้นโยกไปเป็น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ริเริ่มจัดทำโครงการ “ประชารัฐร่วมใจต้านภัยยาเสพติด (ปักกลด)” 1,472 หมู่บ้าน โดยให้ตำรวจเข้าไปคลุกคลี แก้ปัญหายาเสพติดร่วมกับชาวบ้านและฝ่ายปกครอง ท้องถิ่น สาธารณสุข ในชุมชนที่มีปัญหาแพร่ระบาดเป็นระยะเวลา 1 เดือนจนกว่าปัญหาคลี่คลายจนได้รับฉายา “เด่นปักกลด” และได้รับรางวัลป้องกันปราบปรามยาเสพติดดีเด่นจาก ปปส.
นอกจากนี้ยังได้ริเริ่มโครงการ “สร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนบนพื้นฐานระบบงานสืบสวน อบถ.” ใน 8 จังหวัดภาคอีสาน ปัจจุบัน ตร. ได้นำมาเป็นตัวอย่างขับเคลื่อนในการลดอุบัติเหตุทางถนนกับทุกจังหวัด
จากนั้นได้รับการเลื่อนให้ย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ต่อเนื่องจนเป็น รอง ผบ.ตร. โดยรับนโยบายที่สำคัญตรงจากรัฐบาล ให้แก้ไขปัญหาเด็กแว้นและหาแนวทางป้องกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จัดตั้งศูนย์ปราบปรามการแข่งรถในทาง หรือ ศปข.ตร. ขึ้นมา มีศูนย์โซเชียล ตร. และ บช. เพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบการแข่งรถในทางทั่วประเทศ ประสานข้อมูลกับตำรวจพื้นที่เพื่อให้ติดตามสืบสวนจับกุม และรายงานผลการปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ไม่ปล่อยให้ตำรวจพื้นที่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว มอบรางวัลสายข่าวให้กับประชาชนที่แจ้งเบาะแส ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาเด็กแว้นได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นผลงานที่สำคัญของรัฐบาลและ ตร. จนถึงทุกวันนี้
ผลงานที่สำคัญที่สุดนั้นคงหนีไม่พ้น การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. หรือ ศปอส.ตร. การทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่อ้างเป็นตำรวจ , เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ , เจ้าหน้าที่บริษัท DHL ซึ่งมีการขยายผลไปจับกุมถึงประเทศกัมพูชา แบบถอนรากถอนโคน ครั้งล่าสุดมีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายในประเทศกัมพูชา 94 ราย ถือเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา
นอกจากนี้ยังกวาดล้างเครือข่ายพนันออนไลน์ และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีรายสำคัญ เช่น คดีเสี่ยโป้ จนนำไปสู่การยึดและอายัดทรัพย์จำนวนมาก , คดีทลายแท่นผลิตแบงค์ดอลลาร์ปลอม , คดีค้าอาวุธปืนออนไลน์ และคดีแก๊งปล่อยเงินกู้ ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนทั้งสิ้น
ที่สำคัญยังได้ขับเคลื่อนระบบ “การรับแจ้งความผ่านระบบออนไลน์” ที่ทันสมัยเข้ากับยุคดิจิทัล ตามแนวความคิดและนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ฯ อาจารย์นักสืบยุค 5G และ รัฐบาล 4.0 อีกด้วย โดยสามารถดึงตำรวจที่เป็นยอดฝีมือที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยี และการสืบสวนสอบสวน มาช่วยวางระบบการรับแจ้งความออนไลน์ ทำให้ประชาชนที่ตกเป็นผู้เสียหายสามารถแจ้งความและติดตามคดีได้สะดวกขึ้น มองเห็นตัวเลขสถิติคดีออนไลน์ และแยกแยะรูปแบบกลโกงออกมาได้ทั้งหมด เห็นความเชื่อมโยงของคดี ตลอดจนติดตามอายัดเงินในบัญชีได้รวดเร็วขึ้นกว่าในอดีต อีกทั้งยังทำสื่อประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อให้ประชาชนไม่หลงตกเป็นเหยื่ออีกด้วย
นอกจากนั้น พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้รับมอบทุนจากนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.อว. ส่งข้าราชการตำรวจไปศึกษาระดับปริญญาโท ด้าน Cyber security ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา , จีน , สเปน และเยอรมนี ปีละ 4 ทุน ติดต่อกัน 3 ปี รวม 12 ทุน ตั้งแต่ปี 2565-2567
“หัวใจของการทำงานให้มีประสิทธิภาพ คือ การติดตามและประเมินผล”
“คำขวัญ” ที่ “บิ๊กเด่น” มักกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงานอยู่เสมอๆ
นับได้ว่า “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เป็นทั้งนักปฏิบัติที่ผ่านประสบการณ์ทุกรูปแบบ และเป็นนักบริหารเชิงรุกตัวจริงที่สร้างรากฐานวางรูปแบบการทำงานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างมากมาย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี