แพทย์ 1,363 คนทั่วปท.
ล่าชื่อออกแถลงการณ์
จี้หยุด‘กัญชาเสรี’ทันที
ห่วงช่องโหว่ไร้ก.ม.คุม
คณะแพทย์ทั่วประเทศ 1,363 คนลงชื่อออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลปิดกัญชาเสรี หลังมีภาวะสุญญากาศ จากกรณียังไม่มีกฎหมายควบคุม ทำให้มีการเพื่อการสันทนาการมากขึ้น ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ของนโยบายดังกล่าว จึงขอเรียกร้องให้หยุดนโยบายกัญชาเสรีในช่วงสุญญากาศทันที เพราะถ้ารอข้อกฎหมายต้องใช้เวลาพิจารณาอีกนาน ที่ปรึกษา ปธ.สภาฯโต้ข่าว “ชวน หลีกภัย” อยู่เบื้องหลังคว่ำกม.กัญชา ชี้เป็นข่าวเท็จ แจงหมอฉันชาย เข้าพบเหตุห่วงช่วง ‘สุญญากาศ’ ไร้กฎหมายควบคุม จะมีการใช้กัญชาในทางที่ผิด
เมื่อวันที่ 19 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะแพทย์ทั่วประเทศไทยร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์เรียกร้อง เรียกร้องให้ปิดกัญชาเสรีในสภาวะสุญญากาศทันที ลงวันที่ 18 กันยายน 2565 มีสาระสำคัญโดยสรุปว่า เนื่องจากประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา ที่กำหนดให้พืชกัญชา ไม่เป็นยาเสพติด แต่ปัจจุบันยังไม่มีนโยบายควบคุมการใช้กัญชา รวมถึงแนวทางบังคับใช้กฎหมายควบคุมอย่างครอบคลุม และปลอดภัย จนอาจเรียกได้ว่าไทยมีเสรีกัญชามากที่สุดในโลกมานานกว่า 3 เดือนแล้ว ส่งผลให้มีการใช้กัญชาเชิงนันทนาการอย่างแพร่หลายในชุมชน นำไปสู่การเข้าถึงการใช้กัญชาของเด็กและกลุ่มเปราะบาง ซึ่งผิดไปจากเหตุผลวัตถุประสงค์ของการออกนโยบายกัญชาเสรี ที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเคยกล่าวอ้างว่าต้องการให้ประชาชนได้เข้าถึงกัญชาทางการแพทย์มากขึ้น
แถลงการณ์ดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การใช้กัญชาโดยปราศจากข้อบ่งชี้ทางการแพทย์นั้น มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนมากมายว่าส่งผลกระทบต่อร่างกายและการเจริญเติบโตของสมองในเด็กและวัยรุ่นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันจึงนับเป็นภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขและสุขภาพของประชาชนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างแท้จริง
ดังนั้น แพทย์ทั่วประเทศไทยตามรายชื่อที่แนบท้ายมาจำนวน 1,363 รายชื่อ ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศไทย เล็งเห็นถึงความรุนแรงและเร่งด่วนของปัญหาที่เกิดขึ้น จึงขอสนับสนุนข้อเสนอเกี่ยวกับนโยบายกัญชาของประเทศไทย โดยแพทยสภา แพทยสมาคม ราชวิทยาลัยต่างๆ และวิทยาลัยที่ออกประกาศวันที่ 5 กันยายน 2565
“รวมทั้งขอเรียกร้องให้รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องปิดภาวะกัญชาเสรีในทันที โดยไม่ควรรอการประกาศใช้พระราชบัญญัติควบคุมกัญชาและกัญชงที่จะมีในอนาคต เนื่องจากต้องใช้เวลาพิจารณาข้อกฎหมายตามระบบระเบียบเป็นเวลานาน และการรั้งรอจะยิ่งสร้างความเสียหายต่อเนื่องกับประเทศชาติในวงกว้าง จึงควรพิจารณาหยุดภัยคุกคามทางสาธารณสุขครั้งนี้โดยเร็วที่สุด” แถลงการณ์ของคณะแพทย์ทั่วประเทศระบุ และย้ำว่า การดำเนินการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนตามหลักการ ‘Primum non nocere / First, do no harm’ เป็นสำคัญ สำหรับประชาชนทั่วไป ที่ต้องการสนับสนุนการปิดสุญญากาศกัญชา สามารถลงชื่อได้ที่ change.org/delaycannabislaw
ด้านนพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่านายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อยู่เบื้องหลังคว่ำร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. ... ว่า เป็นข่าวเท็จ เป็นการจับแพะชนแกะ ขอชี้แจงว่านายชวนไม่เคยยับยั้งกฎหมายใดๆ การที่นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย มาเข้าพบนายชวนเพื่อยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. …. และได้พูดคุยกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. .... ว่ากฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้เข้าสู่การพิจารณาของสภา เป็นการพยายามสื่อความหมายว่านายชวนจะยับยั้งกฎหมายฉบับนี้
“นพ.ฉันชายว่าไม่ได้เข้าพบประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ยับยั้งร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว แต่เป็นการเข้าพบเพื่อแสดงความเป็นห่วงว่า เมื่อพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 และประมวลกฎหมายยาเสพติด มีผลบังคับใช้ จะถอดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด ประเภท 5 และไม่มีกฎหมายมารองรับทำให้เกิดช่องว่าง ที่ไม่สามารถควบคุมการใช้กัญชาได้เลย ในฐานะที่เป็นแพทย์ จึงเป็นหวงว่าจะมีการนำเอากัญชาไปใช้ในทางที่ผิด และความจริงท่านมีท่าทีเหมือนต้องการให้เร่งออกกฎหมายมารองรับโดยเร็วเสียด้วยซ้ำ”นพ.สุกิจกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี