อุตุฯเตือนภาคใต้ฝนถล่มถึง11ต.ค.
พิจิตรอ่วมหนัก
แม่น้ำยมล้นตลิ่งเลยจุดวิกฤต
บ้านเรือนกว่า200หลังจมบาดาล
มหาสารคามท่วมนับเดือน
‘สิงห์บุรี’คันดินพังน้ำทะลัก
อุตุฯชี้อากาศแปรปรวนทั่วไทยยังมีฝน-อุณหภูมิลดลง กทม.เตือน 5 เขต เฝ้าระวังน้ำท่วม“มหาสารคาม” น้ำชียังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านลอยคอซื้อของ น้ำมูลท่วมเขตเศรษฐกิจอุบลฯ พิจิตรอ่วม ท่วมกว่า 3 เมตร เพชรบูรณ์ นาข้าวเสียหายกว่า 100 ไร่ ถนนถูกกัดเซาะ นนทบุรี ประกาศเขตพิบัติภัย 7 ตำบล
เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศ เรื่อง อากาศแปรปรวนบริเวณประเทศไทยตอนบนและฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ ว่า
ช่วงวันที่ 9-14ตุลาคม2565บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรงและฝนตกหนักบางแห่งช่วงวันที่ 9-11 ตุลาคม2565 หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนืออุณหภูมิจะลดลง3-5องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ
อุตุฯชี้อากาศแปรปรวนมีฝน-เย็นลง
ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากสภาพอากาศแปรปรวนที่มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และอุณหภูมิลดลง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากช่วงวันที่ 9-11ตุลาคม2565
กทม.เตือน5เขตเฝ้าระวังน้ำท่วม
ด้านศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม กทม.รายงานข้อมูลกรมชลประทานแจ้งการเปิดระบายน้ำที่ประตูระบายน้ำพระนารายณ์ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา เพิ่มขึ้นระหว่างอัตรา 80-120 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)ต่อวินาที ลำเลียงน้ำลงสู่พื้นที่ตอนล่างตามแนวคลองเหนือใต้เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลโดยเร็วส่งผลให้ระดับน้ำในคลองระพีพัฒน์ คลองรังสิตประยูรศักดิ์มีระดับสูงขึ้น ซึ่ง กทม.ได้ติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมเครื่องมือ-เครื่องจักร-เจ้าหน้าที่ หากเกิดเหตุน้ำสูงล้นตลิ่ง โดยห่วงประชาชนที่อยู่ตามแนวคลองรังสิตฯ ในพื้นที่เขตดอนเมืองสายไหมคลองสามวามีนบุรีและหนองจอก จึงขอให้ติดตามสถานการณ์น้ำจาก กทม.อย่างใกล้ชิด
มหาสารคามน้ำชีเพิ่มสูงต่อเนื่อง
ที่ จ.มหาสารคาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่บ้านหนองบัวเรียน หมู่ 8 ต.ยางท่าแจ้ง อ.โกสุมพิสัย น้ำจากแม่น้ำชียังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านต้องเตรียมรับมวลน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ที่เพิ่มการระบายระดับสูงสุด 54 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน ระดับน้ำในหมู่บ้านสูงเกือบ 3 เมตร ชาวบ้านต้องสวมใส่เสื้อชูชีพ ลอยคอจับราวเชือกออกมาหาซื้ออาหาร หรือรับของแจกจากส่วนราชการและภาคเอกชน หากบริเวณไหนน้ำตื้นก็เดินลุยน้ำออกมา ซึ่งสาเหตุที่ไม่ใช้เรือเพราะน้ำเชี่ยว บังคับเรือยากอาจทำให้เกิดอันตราย
ชาวบ้านใส่ชูชีพลอยคอมาซื้อของ
ชาวบ้านรายหนึ่งในพื้นที่ดังกล่าว ระบุว่า ระดับน้ำชีปีนี้ค่อยๆ ขึ้นมาทีละนิด นานเกือบ 1 เดือนแล้วที่น้ำท่วมเข้าบ้านเรือน โดยบ้านตนน้ำท่วมประมาณ 2 เมตร ทางครอบครัวและญาติพี่น้อง จึงย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกัน ซึ่งเป็นบ้าน 2 ชั้นยกสูง อยู่รวมกัน10 คน บริเวณนี้น้ำจะไหลเชี่ยว เวลาออกไปไหนมาไหนยากลำบาก หากไปซื้อของจะสวมเสื้อชูชีพ นำกะละมังลอยคอออกไปซื้อที่ร้านค้ากลางหมู่บ้านซึ่งถูกน้ำท่วมเหมือนกัน แต่หากมีของที่หนักตนก็จะลากเรือไป สิ่งที่ขาดแคลนคือน้ำดื่ม รถน้ำไม่สามารถนำน้ำเข้ามาส่งได้เนื่องจากทางเข้าน้ำท่วม ส่วนอาหารก็กินเท่าที่มีไปก่อน
พบเดือดร้อน118หลังต้องอพยพ
ขณะที่นายประทาน แสนหินทอง ผู้ใหญ่บ้านหนองบัวเรียน เปิดเผยว่า ในพื้นที่หมู่ 8 ต.ยางท่าแจ้ง ถูกน้ำท่วมมานานเกือบ 1 เดือนแล้ว โดยหนักที่สุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา น้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจนท่วมทั้ง 118 หลังคาเรือน ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 470 คน บ้านที่อยู่ริมตลิ่งแม่น้ำชี น้ำไหลเชี่ยว ท่วมสูงเกือบ 3 เมตร ต้องอพยพออกมาอยู่ด้านนอกทั้งหมด ส่วนชาวบ้านที่มีบ้าน2 ชั้น เวลากลางคืนก็กลับเข้าไปนอนในบ้าน เพราะกลัวทรัพย์สินและข้าวของจะสูญหาย ในกลางวันจึงออกมาอยู่ด้านนอก
แม่น้ำมูลหลากท่วมอุบลฯสาหัส
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม่น้ำมูลเริ่มไหลท่วมถนนบูรพาใน ถนนพิชิตรังสรรค์ เทศบาลนครอุบลราชธานี สูงประมาณ20เซนติเมตร ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ชุมชนบ้านดู่ ชุมชนบูรพา ต้องขนทรัพย์สินหนีน้ำไปไว้ตามบ้านญาติ ซึ่งถนนสายนี้ถือเป็นย่านเศรษฐกิจมีตลาดสด ธนาคาร โรงแรมระดับ 4 ดาว โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ แหล่งบันเทิงจำนวนมากชาวบ้าน ระบุว่า สาเหตุที่น้ำท่วมสูงกว่าหลายปี ส่วนหนึ่งมาจากการจัดการของภาครัฐที่ล่าช้าเกินไป อาจเป็นช่วงรอยต่อการเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัด ทำให้ไม่มีแผนเตรียมรับน้ำที่ดี เมื่อมีพายุเข้ามาเติม น้ำที่ท่วมอยู่แล้วจึงสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนความช่วยเหลือปีนี้ก็ไม่เหมือนปี 2562 ที่มีการระดมช่วยเหลือ อาจเพราะมีน้ำท่วมหลายจังหวัดพร้อมกัน
พิจิตรน้ำท่วมบางจุดสูงกว่า3เมตร
สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.พิจิตร ยังไม่คลี่คลาย ปริมาณน้ำสะสมทั้งน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ และน้ำจากแม่น้ำน่าน มีความสูงเท่ากัน และมวลน้ำมีปริมาณมาก ทำให้การระบายน้ำไม่สามารถทำได้ จึงเกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้างใน อ.บางมูลนาก น้ำล้อมหมู่บ้าน ท่วมถนนเส้นทางเข้าสูงกว่า 3 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านเข้าออกหมู่บ้านได้ ต้องใช้เรือสัญจรเพียงอย่างเดียว
แม่น้ำป่าสักท่วมนาข้าวกว่า100ไร่
ที่ จ.เพชรบูรณ์ ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กริมแม่น้ำป่าสัก เส้นทางเชื่อมต่อในพื้นที่ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ ถูกกระแสน้ำแม่น้ำป่าสักกัดเซาะจนขาดเป็นแนวทางกว่า 10 เมตร ก่อนไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร นาข้าวที่กำลังตั้งท้องจมอยู่ใต้น้ำกว่า 100 ไร่ ซึ่งชาวบ้านเปิดเผยว่า ไม่เคยเห็นน้ำในแม่น้ำป่าสักมากขนาดนี้มาก่อน โดยล้นถนนคอนกรีต กัดเซาะใต้พื้นถนนจนทรุดตัว เจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้ช่วยกันป้องกันและแก้ไขมา 6 วันแล้ว แต่ด้วยกระแสน้ำที่มากและรุนแรง ทำให้ไม่สามารถป้องกันได้ กระทั่งประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา ถนนถูกน้ำกัดเซาะกว้างขึ้นเรื่อยๆ กว่า 10 เมตรแล้ว
เขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มการระบายน้ำ
ขณะเดียวกัน เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็น 3,048 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมใน อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ขยายวงกว้างและท่วมสูงมากขึ้น มีน้ำล้นตลิ่งท่วมหมู่บ้านหลายจุด เช่นที่หมู่ 2 ต.ตลุก อ.สรรพยา น้ำล้นตลิ่งไหลข้ามถนน หลากเข้าท่วมหมู่บ้านอย่างต่อเนื่อง ชาวบ้านต้องรีบเก็บของขึ้นที่สูง ขนย้ายสิ่งของบางส่วน และนำสุนัข สัตว์เลี้ยง เดินลุยน้ำไปอยู่ริมถนนคลองมหาราช
สิงห์บุรีพบคันดินพังน้ำหลากท่วม
ส่วนที่ จ.สิงห์บุรี ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วม ว่าที่บริเวณตรงข้าม อบต.บางกระบือ และตรงข้ามวัดสถิตย์วัฒนาราม หมู่ 1 ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี น้ำได้พังคันดินที่ อบต.บางกระบือ กั้นไว้ริมคลองชลประทาน จนพังทลายเป็นบริเวณกว้างกว่า 10 เมตร ทั้ง2 จุด ทำให้น้ำไหลบ่าลงทุ่งนาดอนกระต่ายกว่า 100 ไร่ เอ่อล้นถึงหมู่บ้านประวีน ที่ติดกับทุ่งดอนกระต่าย จนภายในหมู่บ้านดังกล่าวน้ำเอ่อล้นตามท่อระบาย ซึ่งที่ซอย 27-30 น้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง
เร่งซ่อมแซม-เตือนให้เฝ้าระวังน้ำ
ทั้งนี้ ทาง อบต.บางกระบือ ต้องเร่งเข้าแก้ไขปัญหาเบื้องต้นโดยอุดคันดินที่พังลง และได้นำรถแมคโครไปทำคันดินเสริมบริเวณซอยโรงธูปด้านหลังหมู่บ้านและหน้าคลองชลประทานเลยจุดที่คันดินพังออกไป เพื่อชะลอไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมมากไปกว่าเดิม แต่ก็ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาทยังคงปักธงแดงและปล่อยน้ำถึง3,000 ลบ.ม.ต่อวินาที
นนทบุรีประกาศภัยพิบัติแล้ว7ตำบล
ด้านนายสุธี ทองแย้ม ผวจ.นนทบุรี ได้ประกาศให้ 7 ตำบล ใน อ.ปากเกร็ด เป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัย/เขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน(อุทกภัย) รวมทั้ง ต.เกาะเกร็ด หมู่ 1-6
โดยให้ชาวบ้านเฝ้าระวังเนื่องจากระดับน้ำจะมีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ระดับน้ำในหมู่ 5-6 บริเวณพื้นถนน ระดับน้ำสูง 40-50เซนติเมตร ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำ ระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร ทำให้ชาวบ้านใน ต.เกาะเกร็ด ได้รับความเดือดร้อน สัญจรอย่างยากลำบาก ต้องใช้เรือส่วนร้านค้าที่เคยเปิดขายต้องปิดตัวลงเกือบทั้งหมดและหนุนข้าวของขึ้นที่สูง บางรายต้องปล่อยข้าวของเครื่องใช้จมน้ำไป เนื่องจากน้ำท่วมสูงและไหลแรงจนเข้าไปขนย้ายของไม่ทัน
สมภารแจกถุงยังชีพผู้ประสบภัย
ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระปลัดอาทร สายทอง เจ้าอาวาสวัดแหลมเขาจันทร์ หรือวัดท่าไม้แดง ร่วมกับคณะสงฆ์ ลูกศิษย์ และฝ่ายปกครอง อ.พนมสารคาม และ อ.สนามชัยเขต เป็นตัวแทนผู้มีจิตศรัทธา นำข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม จัดทำเป็นถุงยังชีพ ออกแจกจ่ายผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ ต.เกาะขนุน และ ต.ท่าถ่าน อ.พนมสารคาม โดยลุยน้ำมอบถุงยังชีพให้ญาติโยมกว่า 500 หลังคาเรือน
ถูกปลิงกันยังมุ่งมั่นช่วยชาวบ้าน
พระปลัดอาทร ตะโกนบอกกับคณะว่าพบรักแท้แล้ว ถูกปลิงกัด ดูดจนเลือดแดง ก่อนที่สักพักก็ลุยแจกถุงยังชีพต่อไปในพื้นที่ชุมชน ต.ท่าถ่าน ชุมชนท้ายบ้านเจ๊เล็กที่ระดับน้ำท่วมสูงมาก เพราะอยู่ติดคลองท่าลาด ซึ่งการนำถุงยังชีพมามอบให้ผู้ประสบภัย ได้สร้างรอยยิ้มให้กับทั้งผู้ให้และผู้รับ ชาวบ้านต่างรู้สึกดีใจที่พระมาโปรด เพราะกว่า 1 สัปดาห์ แม้จะมีนายก อบต.เกาะขนุน และหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือ แต่ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีพระ เข้ามาช่วยเหลือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี